EUเร่งเร้าให้อังกฤษเริ่มกระบวนการลาออก

ประธานฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรป ( อียู ) เรียกร้องรัฐบาลสหราชอาณาจักรเริ่มดำเนินการลาออกตามขั้นตอนทางกฎหมาย หลังสร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก ด้วยผลประชามติครั้งประวัติศาสตร์ว่าต้องการถอนตัวออกจากสหภาพ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ว่านายฌอง-โคลด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ( อีซี ) แถลงเมื่อวันศุกร์ ว่าในนามฝ่ายบริหารของอียูยังคงมีความรู้สึกตกตะลึงและเสียใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจาก "ไม่เคยคาดคิดมาก่อน" ว่าประชาชนในสหราชอาณาจักรต้องการยกเลิกสถานภาพสมาชิก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลกลางในกรุงลอนดอนควรเริ่มดำเนินการตามขั้นตามมาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอน "ทันที" เพื่อให้สมาชิกที่เหลืออีก 27 ประเทศสามารถก้าวต่อไปได้อย่างมั่นคง

ทั้งนี้ ยุงเกอร์ยืนยันจะไม่มีการเจรจาเรื่อง "สิทธิพิเศษ" เกี่ยวกับสถานภาพสมาชิกของสหราชอาณาจักรอีก และเมื่อมีผู้สื่อข่าวซักถามขึ้นมาว่า การถอนตัวของสหราชอาณาจักรคือ "ปฐมบทแห่งจุดจบ" ของอียูหรือไม่ ยุงเกอร์ตอบเสียงแข็งว่า "ไม่" และยุติการแถลงข่าวทันที

ขณะที่นายมาร์ติน ชูลซ์ ประธานสภายุโรป ( อีพี ) กล่าวว่ารัฐบาลสหราชอาณาจักรใช้อียู "เป็นตัวประกัน" ในการรักษาเสถียรภาพภายในพรรคอนุรักษ์นิยมของนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน เผชิญกับความแตกแยกอย่างหนักจากการที่สมาชิกภายในพรรคมีแนวคิดแตกต่างกันอย่างมากในเรื่องอียู อย่างไรก็ตาม คาเมรอนประกาศลาออกจากตำแหน่งในวันศุกร์ และมอบภาระการดำเนินการตามขั้นตอนการลาออกจากสหภาพให้แก่ "นายกรัฐมนตรีคนต่อไป"

ผลการลงประชามติครั้งประวัติศาสตร์ของสหราชอาณาจักรที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2016 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าแม้ร้อยละ 48 ต้องการอยู่ร่วมกับสหภาพต่อไป แต่ร้อยละ 52 ต้องการให้ประเทศลาออกจากการเป็นสมาชิกอียู สร้างกระแส "เบร็กซิตช็อก" ไปทั่วโลก โดยสกุลเงินปอนด์สเตอร์ลิงอ่อนค่าที่สุดในรอบ 31 ปี ท่ามกลางความกังวลอย่างหนักของทุกฝ่ายในเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจ