สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานว่า เกิดเหตุคนร้ายบุกเข้าไปกราดยิงผู้คนที่อยู่ภายในไนต์คลับแห่งหนึ่ง ในเมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 12 มิถุนายน ตามเวลาท้องถิ่นในสหรัฐ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากถึง 50 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 53 คนนอกเหนือไปจากมือปืนที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงเสียชีวิต โดยเหตุดังกล่าวนับเป็นเหตุกราดยิงที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ
รายงานระบุว่าเหตุเกิดในไนต์คลับชื่อ "พัลส์" เป็นคลับเกย์ที่มีคำโฆษณาระบุไว้ว่า "บาร์เกย์ที่ร้อนแรงที่สุดในออร์แลนโด" โดยหลังเกิดเหตุทวิตเตอร์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจออร์แลนโดระบุว่ามีผู้เสียชีวิต 20 ราย พร้อมกับเตือนให้ประชาชนอยู่ห่างจากพื้นที่ดังกล่าว อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมาหลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 50 ราย ขณะที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 53 คน
ทั้งนี้มีรายงานระบุว่า มือปืนซึ่งสื่อท้องถิ่นบางสำนักระบุว่าคือนายโอมาร์ มาทีน ชาวอเมริกันเชื่อสายอัฟกัน ที่อาศัยอยู่ในเมืองพอร์ตเซ็นต์ลูซี รัฐฟลอริดา ได้ควบคุมพื้นที่ภายในไนต์คลับเอาไว้ และจับผู้คนข้างในไว้เป็นตัวประกัน โดยมีหนึ่งในผู้ที่อยู่ในไนต์คลับโพสต์ข้อความระบุว่า เหตุกราดยิงเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. และได้ยินเสียงปืนดังขึ้นราว 40 นัด ขณะที่พยานอีกรายระบุว่า ตนได้ยินเสียงปืนที่รัวอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ที่อยู่ในร้านกำลังสนุกสนานกับการเต้นรำต่างหมอบลงกับพื้นก่อนจะวิ่งแตกกระจายกันออกจากร้าน บางรายได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะบุกเข้าไปช่วยเหลือตัวประกัน
ตำรวจออร์แลนโดได้แถลงในเวลาต่อมาว่า มือปืนที่ก่อเหตุกราดยิงไนต์คลับใช้ปืนไรเฟิลและปืนพกในการก่อเหตุ พร้อมวัตถุต้องสงสัยบางอย่าง และมือปืนถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิต โดยมีผู้บาดเจ็บที่ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลอย่างน้อย 53 คน ด้านสำนักงานสอบสวนกลางแห่งรัฐ (เอฟบีไอ) เชื่อว่าผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นพวกมุสลิมหัวรุนแรงและน่าจะเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย
เหตุกราดยิงไนต์คลับในออร์แลนโด เกิดขึ้น 1 วันหลังเกิดเหตุบุกยิงคริสตินา กริมมี นักร้องสาววัย 22 ปี ที่กำลังโดดเด่นในวงการเพลงหลังโด่งดังจากการเข้าประกวดเดอะวอยซ์ ของอเมริกา ที่ถูกยิงขณะกำลังทักทายแฟนเพลงหลังการแสดงคอนเสิร์ตเสร็จสิ้นที่พลาซ่า ไลฟ์ ในเมืองออร์แลนโด โดยมือปืนคือนายเควิน เจมส์ ลอยเบิล วัย 27 ปี จากเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก รัฐฟลอริดา ที่ยิงตัวตายหลังก่อเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่พบว่านายลอยเบิลได้เดินทางไปยังเมืองออร์แลนโดเพื่อก่อเหตุโดยเฉพาะ แต่ยังไม่พบแรงจูงใจของการก่อเหตุครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า โศกนาฏกรรมทั้งสองครั้งไม่ได้มีความเกี่ยวเนื่องกันแต่อย่างใด