ปัจจุบัน นางโคและนายรี เป็นเจ้าของธุรกิจซักแห้ง และอาศัยอยู่ในเขตชานเมือง นอกนครนิวยอร์ก หลังจากเจ้าหน้าที่สำนักข่าวกรองกลางของสหรัฐ (ซีไอเอ) สอบปากคำทั้งสองอยู่นานหลายเดือน จากนั้นครอบครัวจึงย้ายมาอยู่ในอเมริกาและเปิดธุรกิจร้านซักแห้งขึ้น
นางโคกล่าวว่า รัฐบาลเกาหลีมอบหมายให้ตนกับสามีมาดูแลนายคิม ขณะมาศึกษาต่อโรงเรียนในสวิตเซอร์แลนด์ หลานชายคนนี้ชอบพาเพื่อนจากโรงเรียนมากินขนมเค้กและเล่นตัวต่อเลโก้ที่บ้าน ส่วนอุปนิสัยนั้นเป็นคนโกรธง่ายและขาดความอดทน
ถึงแม้ว่านางโคจะไม่เจอหลานชายเกือบ 20 ปีแล้ว และไม่ได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่ก็เปิดเผยข้อมูลว่า นายคิมเกิดเมื่อปี 2527 ซึ่งเป็นปีเกิดเดียวกับลูกชายของเธอ ไม่ใช่ปี 2525 หรือ 2526 ตามรายงานข่าวในสื่อทั่วไป "คิมและลูกชายของฉันเป็นเพื่อนคู่หูมาตั้งแต่เด็ก ฉันคอยเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ทั้งสองคน"
นางโคกล่าวว่า มีข้อมูลเชิงลึกตั้งแต่ปี 2535 ว่า นายคิมจะกลายเป็นผู้นำเกาหลีเหนือ โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือเข้าร่วมฉลองงานปาร์ตี้วันคล้ายวันเกิดของนายคิมเมื่ออายุ 8 ปี
วอชิงตันโพสต์ระบุว่า ยังไม่ความชัดเจนว่า ทำไมนางโคและครอบครัวตัดสินใจแปกพักตร์มาสหรัฐ แต่สาเหตุอาจเป็นเพราะกลัวว่าจะไม่เป็นคนโปรดของรัฐบาลอีกต่อไป หลังจากที่นางโค ยองฮี แม่ของนายคิม เสียชีวิตจากโรคมะเร็งเต้านม
นายโคคิดว่า ตัวเองนับว่าโชคดีแล้ว ลูกๆ 3 คน ของเธอได้รับการศึกษาจากโรงเรียนคุณภาพดี และประสบความสำเร็จในชีวิต อีกยังมีสามีที่คอยแก้ปัญหาทุกอย่าง ไม่มีอะไรให้น่าอิจฉาอีก ส่วนนายรีกล่าวเสริมว่า "ผมคิดว่าเราได้บรรลุความฝันของชาวอเมริกันแล้ว"
นางโคเคยเป็นข่าวดังไปทั่วโลกเมื่อปีก่อน เมื่อยื่นฟ้องผู้แปรพักตร์ชาวเกาหลีเหนือ 3 คน ในข้อหาแพร่ข่าวอันเป็นเท็จเกี่ยวกับตัวเธอ ทนายองนางโคกล่าวว่า ลูกความยื่นเรื่องไปยังศาลเกาหลีใต้เรียกค่าเสียหาย 60 ล้านวอน หรือราว 1.8 ล้านบาท