ซาอุดีอาระเบียประกาศตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่าน ท่ามกลางความขัดแย้งจากกรณีที่ซาอุดีอาระเบียสังหารเชคนิมร์ อัล-นิมร์ ผู้นำมุสลิมนิกายชีอะห์คนสำคัญ
นายอเดล อัล จูเบอีร์ รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย ระบุดังกล่าวหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่กลุ่มผู้ประท้วงบุกทำลายและจุดไฟเผาสถานทูตซาอุฯ ในกรุงเตหะราน
รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุฯ สั่งให้นักการทูตซาอุฯ เดินทางออกจากอิหร่านภายใน 48 ชั่วโมง ขณะที่สถานีโทรทัศน์อัล อราบิยา รายงานว่า ซาอุฯ ได้อพยพนักการทูตของตนออกจากกรุงเตหะรานแล้ว
เชคนิม์ อัล-นิมร์ และคนอีก 46 คน ถูกประหารชีวิตเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยซาอุฯ บอกว่าคนเหล่านี้กระทำผิดฐานก่อการร้าย ก่อนหน้านี้อญาโตลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านกล่าวเตือนซาอุดีอาระเบียว่าจะต้องเผชิญกับการลงโทษของพระผู้เป็นเจ้าจากการกระทำครั้งนี้ ซึ่งได้สร้างความไม่พอใจแก่ชาติมุสลิมนิกายชีอะห์อื่น ๆ ในตะวันออกกลางเช่นกัน
ทั้งนี้ อิหร่านเป็นคู่ปรับสำคัญของซาอุดีอาระเบียในภูมิภาค โดยต่างสนับสนุนฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกันในสงครามความขัดแย้งระหว่างซีเรียและเยเมน
สำหรับ เชคนิม์ อัล-นิมร์ นั้น ก่อนหน้าที่จะถูกสังหารในวัย 50 ปีเศษ เขาเป็นผู้ที่มักออกมากล่าววิพากษ์วิจารณ์ราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียซึ่งนับถือนิกายซุนนีย์อยู่บ่อยครั้ง ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาเขาเคยถูกจับกุมหลายครั้งหลายครา และครั้งหนึ่งได้กล่าวหาตำรวจลับของซาอุฯ ว่าทำร้ายร่างกายเขาขณะคุมขัง
วิกิลีกส์เปิดเผยว่า ในปี 2551 เชคนิม์ อัล-นิมร์ ได้พบกับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เพื่อแสดงตัวออกห่างจากกลุ่มต่อต้านอเมริกัน และฝ่ายที่สนับสนุนอิหร่าน
เชคนิม์ อัล-นิมร์ เป็นที่ยอมรับในหมู่ยุวชนชีอะห์ของซาอุดีอาระเบีย