หญิงชาวนครนิวยอร์กผู้หนึ่ง รอดพ้นจากความผิดข้อหาเมาแล้วขับ หลังอ้างกับศาลว่า ตนเองมีอาการของโรคประหลาดที่ร่างกายสามารถผลิตแอลกอฮอล์ได้เอง โดยไม่ต้องดื่มสุราเข้าไปแต่อย่างใด
หญิงวัย 35 ปีผู้นี้ ถูกตำรวจจับและดำเนินคดีในความผิดฐานเมาแล้วขับ เมื่อปี 2014 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่า เธอขับรถส่ายไปมา และผลตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์จากลมหายใจพบว่า มีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสูงกว่าที่กำหนดไว้ตามกฎหมายถึง 4 เท่า
หญิงคนดังกล่าวซึ่งมีอาชีพเป็นครูให้การกับศาลว่า มีเป็นบางครั้งที่ระบบย่อยอาหารของเธอสามารถแปรสภาพอาหารเป็นแอลกอฮอล์ และแม้จะมีแอลกอฮอล์ในร่างกายสูงระดับที่ทำให้คนทั่วไปเมาจนต้องลงคลานได้ แต่สำหรับเธอแล้วไม่รู้สึกเมา ทั้งยังสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจร่างกายโดยแพทย์ พบว่าเธอมียีสต์ในลำไส้อยู่ในปริมาณมากกว่าปกติ ซึ่งอาจทำให้เกิดกระบวนการหมักกับคาร์โบไฮเดรตจนเป็นแอลกอฮอล์ได้
ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และกฎหมายชี้ว่า ที่ผ่านมา อาการที่เรียกว่ากระบวนการหมักในลำไส้นี้ มักถูกยกขึ้นมาเป็นข้อแก้ตัวในคดีเมาแล้วขับมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ใช่ว่าศาลจะรับฟังเสมอไป เพราะต้องมีการทดสอบรับรองโดยแพทย์ที่เชื่อถือได้ด้วย