หน่วยปราบปรามการก่อการร้ายของเบลเยียม เปิดเผยว่า ตำรวจเบลเยียมและกรีซ เคยมีปฏิบัติการร่วมกันเมื่อเดือนมกราคมของปีนี้ ในการปราบปรามเครือข่ายกลุ่มก่อการร้ายที่มีนายอับเดลฮามิด อบาอุด ผู้ต้องสงสัยเป็นแกนนำกลุ่มก่อการร้ายที่โจมตีกรุงปารีส ฝรั่งเศส ร่วมอยู่ด้วย แต่ปฏิบัติการในครั้งนั้นไม่ประสบความสำเร็จ นายอบาอุดหลบหนีไปได้ แต่มีสมาชิกกลุ่มเสียชีวิต 2 คน โดยนายอบาอุด เป็นผู้ต้องสงสัยเป็นแกนนำก่อเหตุรุนแรงที่กรุงปารีส เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 130 คน และอีก 5 วันถัดมาเขาเสียชีวิตจากการปะทะกับตำรวจฝรั่งเศส
รายงานของตำรวจเบลเยียมฉบับนี้ เป็นผลมาจากการตรวจสอบบันทึกข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของนายอบาอุดชาวเบลเยียม สัญชาติโมร็อกโค พบว่าเขาเคยโทรศัพท์มาจากกรีซ ซึ่งจากการประสานข้อมูลของตำรวจหลายประเทศ ทำให้ฝ่ายตำรวจกรีซคาดว่า เขาบริหารจัดการเครือข่ายในเบลเยียมผ่านการโทรศัพท์มาจากเอเธนส์ และเมื่อเทียบเคียงกับดีเอ็นเอ ที่กรีซเก็บได้จากที่เกิดเหตุในปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายของกรีซที่กรุงเอเธนส์เมื่อวันที่ 17 มกราคม พบว่าเขาอยู่ในสถานที่นั้นด้วย แต่ในเวลานั้นยังไม่ชัดเจนว่าเขาคือใคร และการกวาดล้างยังมีขึ้น 2 วันหลังจากที่มีปฏิบัติการของหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายเบลเยียมที่กรุงบรัสเซลล์ ในเดือนมกราคมเช่นกัน
นอกจากนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า นายอบาอุดหลบหนีจากตำรวจกรีซจนกลับมาถึงเบลเยียม และฝรั่งเศสได้อย่างไร แต่ก่อนหน้านี้มีรายงานของสื่อในเบลเยียม ว่า เบาะแสในการค้นหานายอบาอุดส่วนใหญ่จะมาจากกรีซ นอกจากนี้ นายอบาอุดยังไม่ใช่ผู้ต้องหาในคดีนี้เพียงคนเดียวที่มีการเคลื่อนไหวคาบเกี่ยวระหว่างกรีซกับการโจมตีกรุงปารีส อีกคนคือนายซาลาห์ อับเดสลาม ที่ยังหลบหนีการจับกุม ที่พบว่าเขาเดินทางทางเรือจากอิตาลีมากรีซเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม แล้วเดินทางออกจากกรีซในอีก 3 วันถัดมา กับยังมีมือระเบิดฆ่าตัวตายอีก 2 คนที่สนามกีฬาสต๊าดเดอฟรองซ์ ที่เดินทางทางเรือมาจากตุรกี แล้วขึ้นฝั่งที่เกาะเรลอสของกรีซเมื่อเดือนตุลาคม ทำให้ได้รับบัตรรับรองสถานะผู้ลี้ภัย อย่างไรก็ตาม ผลการสืบสวนสอบสวนเกี่ยวกับกลุ่มก่อการร้ายที่ก่อเหตุที่กรุงปารีส กลับทำให้ทางการกรีซ และ ตำรวจกรีซถูกกดดันการทำงานด้านการข่าวร่วมกับประเทศยุโรปอื่นๆ มากขึ้น