เปิดโปงตระกูลประธานาธิบดีตุรกีที่หนุนกลุ่มไอซิส
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวรอบโลก เปิดโปงตระกูลประธานาธิบดีตุรกีที่หนุนกลุ่มไอซิส
เปิดโปงตระกูลประธานาธิบดีตุรกีหนุนกลุ่มไอซิส-ลูกชายค้าน้ำมันเถื่อนมีบริษัทเรือขนน้ำมัน-ลูกสาวพยาบาลนักรบจิฮาดแล้วส่งกลับไปรบในซีเรีย-ตัวพ่อปล้นโบราณวัตถุ
เผยลูกชายประธานาธิบดีตุรกีคือผู้สนับสนุนเงินทุนให้กลุ่มไอซิสสู้รบด้วยการรับซื้อน้ำมันเถื่อนนำออกจำหน่ายไปทั่วโลก“เออร์โดแกน”คือตระกูลสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายไอซิส ลูกสาวทำงานในโรงพยาบาลสนามช่วยรักษานักรบจิฮาดก่อนส่งกลับเข้าไปรบต่อในซีเรีย ตัวพ่อปล้นโบราณวัตถุนำออกขาย แฉอยากฟื้นตุรกีเป็นอาณาจักรออตโตมันใหม่
เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 บทรายงานชิ้นหนึ่งชื่อ Meet The Man Who Funds ISIS: Bilal Erdogan, The Son Of Turkey's President อยู่ในเว็บไซท์ http://www.zerohedge.com/ เขียนโดย Tyler Durden ข้อเขียนเริ่มว่านับเป็นเรื่องน่าสนใจมาก หลังจากสหรัฐและพันธมิตรปราบปรามกลุ่มไอซิสในซีเรียและอิรักมานาน แต่ก็เสมือนทำอะไรไม่ได้มาก
ต่อมารัสเซียได้รับเชิญจากรัฐบาลบาชาร์ อัล-อัสซาด ให้เข้ามาร่วมปราบปรามกลุ่มไอซิส โดยรัสเซียเปิดการโจมตีทางอากาศทั้งจากเครื่องบินทิ้งระเบิด,เครื่องบินโจมตีและยิงขีปนาวุธจากเรือรบที่อยู่ในทะเลเมดิเตอเรเนียน ทำให้เห็นผลเพราะกองทัพซีเรียที่ต้องทำศึก 2 ด้านนั่นคือศึกกับกลุ่มก่อการร้ายระดับกลาง ( Free Syria Army) หรือกลุ่มกบฎที่จะโค่นรัฐบาลอัล-อัสซาด กับอีกด้านหนึ่งต้องทำศึกกับกลุ่มไอซิสที่เข้ายึดครองพื้นที่ทางด้านเหนือของซีเรียที่อยู่ติดกับตุรกี รัสเซียเข้ามาจึงช่วยซีเรียได้มาก
ทหารของอัล-อัสซาดรุกคืบยึดพื้นที่กลับคืนมาได้มากขึ้น หลังจากรัสเซียโจมตีทางอากาศ จากนั้นทหารบกของซีเรียก็รุกยึดคืนหลายเมืองที่กลุ่มไอซิสยึดไว้
ตามมาด้วยการก่อการร้ายที่ทำให้คนตื่นกลัวมากที่สุดคือกรุงปารีส ถูกโจมตีเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2558 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 130 คนบาดเจ็บกว่า 350 คน ต่อมาเครื่องบินทิ้งระเบิด SU24 ของรัสเซียถูกเครื่องบินเอฟ 16 ของตุรกียิงตกในน่านฟ้าของซีเรียหรืออยู่ห่างจากชายแดนตุรกี 4 กิโลเมตร รายการนี้วลาดิมีร์ ปูติน ถึงกลับออกมากล่าวว่า “รัสเซียถูกแทงข้างหลัง”
กลุ่มไอซิสอยู่ได้เพราะขโมยน้ำมันออกขาย
ปูตินเคยเปิดเผยมาก่อนหน้านี้ว่ากลุ่มไอซิสอยู่ได้เพราะการค้าน้ำมันเถื่อน ทั้งจากบ่อน้ำมันในซีเรียและประเทศอิรัก “บริษัทไหนรับซื้อก็น่าจะรู้กัน”ปูตินกล่าวเป็นปริศนา
หลังจากเครื่องบินรัสเซียถูกยิงตก นายเซอร์จี ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียก็ออกมาเปิดเผยว่าการยิงเครื่องบินตกนี้ไม่ใช่เรื่องอุบัติเหตุ แต่เป็นการ
จงใจรวมถึงกล่าวว่าตุรกียืนอยู่ข้างกลุ่มก่อการร้ายไอซิส โดยตุรกีมีบทบาทที่ช่วยให้เครือข่ายกลุ่มก่อการร้ายให้ยืนอยู่ได้ผ่านการค้าน้ำมันเถื่อน พร้อมกับออกถ้อยแถลงเป็นทางการว่า
“รัฐมนตรีรัสเซียขอเตือนเพื่อนมิตรประเทศกรณีที่ตุรกีเข้าไปเกี่ยวข้องกับการค้าน้ำมันเถื่อนของกลุ่มไอซิส โดยขนส่งผ่านพื้นที่บริเวณเครื่องบินรัสเซียถูกยิงตก ซึ่งสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของกลุ่มก่อการร้ายอยู่บริเวณนั้น,คลังอาวุธและกระสุนรวมทั้งศูนย์บัญชาการของกลุ่มไอซิสก็อยู่บริเวณนั้น”
รายงานเปิดเผยว่าเพื่อที่จะให้คำพูดของนายลาฟรอฟมีน้ำหนักมากขึ้นขอหยิบยกเอาคำพูดของ พลเอกโดมินิก แตรงกูองด์ (Dominique Trinquand) นายพลฝรั่งเศสผู้เกษียณแล้วว่า “ตุรกีไม่ได้ต่อสู้กับกลุ่มไอซิสเลยหรือจะสู้ก็เล็กน้อย รวมทั้งไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือจัดการบริเวณชายแดนของตนที่มีการลักลอบค้าน้ำมัน,ฟอสเฟต,ฝ้ายและแม้กระทั่งการค้ามนุษย์”
บทรายงานระบุว่าจากนั้นก็มีการตั้งคำถามว่า การรับซื้อน้ำมันเถื่อนถือว่าเป็นการสนับสนุนทางการเงินแก่กลุ่มไอซิส และทำไมประเทศ “พันธมิตรตะวันตก”จึงปล่อยให้มี “คนกลาง”สนับสนุนเงินทุนแก่กลุ่มไอซิสต่อไป
บุคคลที่เป็นคนกลางในการซื้อขายน้ำมันดิบครั้งนี้สามารถชี้ไปได้ว่าคือนายบิลาล เออร์โดแกน บุตรชายของนายรีเซป เตย์ยิป เออร์โดแกนทำหน้าที่จำหน่ายน้ำมันส่งออกไปยังตลาดประเทศยุโรปและตลาดทั่วโลกถือเป็น“น้ำมันก่อการร้าย”( terrorist oil )
ประวัติสั้นๆของบิลาล เออร์โดแกน
ชื่อเต็มคือ เนคเมททิน บิลาล เออร์โดแกน (Necmettin Bilal Erdogan) แต่จะเรียกชื่อเพียง บิลาล เออร์โดแกน เกิดเมื่อวันที่ 23 เมษายน 1980 เป็นลูกคนที่ 3 ของนายรีเซป เออร์โดแกน ปัจจุบันเป็นประธานาธิบดีตุรกี
หลังเรียนจบจาก Kartal Imam Hatip High School ปี 1999 เขาก็ไปเรียนต่อปริญญาตรีในสหรัฐ จากนั้นเรียนจบปริญญาโทจาก John F. Kennedy School of Government มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ดในปี 2004 และไปฝึกงานที่ธนาคารโลกในช่วงสั้นๆ ก่อนจะกลับตุรกีในปี 2006 จึงเริ่มงานทางธุรกิจของตน เขาเป็น 1 ในผู้ถือหุ้นของกลุ่มที่เรียกว่า BMZ Group Denizcilik เป็นบริษัทขนส่งทางเรือและอื่นๆ
ชื่อของกลุ่ม BMZ Group เป็นที่ทราบกันดีว่าทำหน้าที่ขนส่งน้ำมันเถื่อนจากซีเรียและอิรักออกขายให้ประเทศตะวันตกและประเทศในเอเชีย มีรายงานด้วยว่าน้ำมันเถื่อนเหล่านี้จะขายในราคาถูกระหว่าง 25-30 ดอลลาร์ต่อบาเรลตลาดมืดทำให้ราคาน้ำมันตกไปด้วย ปัจจุบันณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2558 ราคาน้ำมันในตลาดโลกตกบาเรลละ 41 ดอลลาร์
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขอนำเอาข้อเขียนของ F. William Engdahl ที่เขียนไว้ใน New Eastern Outlook เกี่ยวกับความอันตรายของกลุ่มไอซิสกับความตะกละของเออร์โดแกน “รายละเอียดมากต่อมากทยอยเข้ามาทำให้เห็นภาพของกลุ่มรัฐอิสลามในอิรักและซีเรีย หรือรู้จักกันในนามหลายชื่อเช่น ISIS, IS หรือดาเอช ( Daesh)ชัดเจนขึ้น พวกนี้มีชีวิตอยู่ได้เพราะรีเซป เตย์ยิป เออร์โดแกน ประธานาธิบดีตุรกี และโดยการบริการของหน่วยข่าวกรองของตุรกี MIT หรือรู้จักกันในนาม CIA ตุรกี ผลที่ตามมาจากความพยายามของเออร์โดแกน ทำให้เรียกได้ว่าเป็นอาณาจักรออตโตมันใหม่ (Neo-Ottoman Empire) โดยจะขยายตัวไปยังจีน,ซีเรีย,อิรัก การข่มขู่ (จากกลุ่มไอซิส)นี้ไม่เพียงแต่จะทำลายตุรกีเท่านั้น แต่จะทำลายตะวันออกกลางด้วย หากเขายังประพฤติตนเช่นนี้อยู่อีก”
เมื่อเดือนตุลาคม 2014 นายโจ ไบเดน รองประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวกับเพื่อนๆจากฮาร์เวิร์ดว่ารัฐบาลเออร์โดแกนให้การหนุนหลังกลุ่มไอซิส “หลายร้อยล้านดอลลาร์และช่วยอาวุธอีกหลายพันตัน...” หลังจากนั้นนายไบเดนกล่าวขอโทษและนายเออร์โดแกนก็อนุญาตให้สหรัฐใช้ฐานทัพอากาศของตุรกี (Incirlik Air Base) ปฏิบัติการถล่มกลุ่มไอซิสในซีเรีย อย่างไรก็ตามการเปิดเผยว่าประธานาธิบดีเออร์โดแกนให้การสนับสนุนกลุ่มไอซิสนั้นมีมากกว่าที่นายไบเดนเปิดเผยออกมาเสียอีก
นักรบจิฮาดของกลุ่มไอซิสได้รับการฝึกอาวุธโดยทหารสหรัฐและอิสราเอล ปัจจุบันได้รับการฝึกจากกองกำลังรบพิเศษของตุรกีโดยเป็นศูนย์ลับอยู่ในเขตจังหวัดคอนยา (Konya Province)ในเขตแดนของตุรกีที่อยู่ติดกับซีเรีย มีการฝึกกันมานาน 3 ปีแล้ว ตุรกียังเข้าไปเกี่ยวกับกลุ่มไอซิสลึกมากยิ่งขึ้น แม้ว่าวอชิงตัน,ซาอุดิ อาระเบียและกาตาร์จะประกาศถอนตัวไม่สนับสนุนแล้ว แต่เออร์โดแกนกับเพื่อนนีโอ-ออตโตมันชาวสุหนี่ นายอาเมท ดาวูโตกลู นายกรัฐมนตรีตุรกีก็ยังฝันกันต่อไป
ธุรกิจครอบครัวที่ดูดีมาก
บทรายงานเปิดเผยว่าแหล่งเงินหลักๆที่นำมาสนับสนุนกลุ่มไอซิสทุกวันนี้เป็นเงินจากการขายน้ำมันจากบ่อน้ำมันในเขตโมซุล (Mosul)ของอิรักที่กลุ่มไอซิสยึดเป็นฐานที่มั่นของตน และลูกชายของประธานาธิบดีเออร์โดแกนก็เป็นผู้ทำหน้าที่ขายน้ำมันส่งออกเหล่านี้ให้กลุ่มไอซิส
บิลาล เออร์โดแกน เป็นเจ้าของบริษัทเดินเรือหลายบริษัท มีหลักฐานระบุว่าเขาเซ็นสัญญากับบริษัทยุโรปหลายบริษัทเพื่อขนน้ำมันจากการขโมยได้ในอิรักส่งออกไปยังเอเชียหลายประเทศ รัฐบาลตุรกีเองก็ซื้อน้ำมันอิรักที่กลั่นมาจากบ่อด้านอิรัก ขณะที่ บิลาล เออร์โดแกนมีบริษัทเดินเรือและยังมีท่าเรือในประเทศเบรุตและที่เมืองเซฮาน(Ceyhan)อยู่ทางตอนใต้ของตุรกีด้วย ท่าเรือนี้ส่งน้ำมันดิบลงเรือน้ำมันไปยังเส้นทางญี่ปุ่น
นายกูร์เซล เทคิน(Gürsel Tekin) รองประธานพรรคประชาชนตุรกีรีพับลิกัน (Turkish Republican Peoples’ Party) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเมื่อเร็วๆนี้ว่า “ประธานาธิบดีเออร์โดแกนประกาศชัดเจนในที่ประชุมการขนส่งระหว่างประเทศว่าลูกชายของเขาที่ดำเนินธุรกิจอยู่นั้นไม่มีอะไรผิดกฎหมาย เป็นการทำธุรกิจปกติโดยจดทะเบียนในนามบริษัทญี่ปุ่น ในความเป็นจริงแล้วตอนนี้เรื่องของเขาก็ขึ้นถึงคอหอยแล้วที่ทำธุรกิจกับกลุ่มก่อการร้าย แต่ตราบใดที่พ่อของเขายังอยู่ในตำแหน่ง เขาก็จะได้รับการคุ้มครอง ไม่ถูกลงโทษตามกฎหมาย”
นายเทคินกล่าวเพิ่มเติมว่าบริษัทเดินเรือของนายบิลาลนั้นทำธุรกิจจำหน่ายน้ำมันให้กับกลุ่มไอซิส ส่วนกลุ่ม BMZ Ltd เป็นธุรกิจของครอบครัวเพราะญาติสนิทของประธานาธิบดีเออร์โดแกนก็ถือหุ้นในบริษัทนี้ อีกทั้งยังใช้เงินของประเทศไปในทางที่ผิดรวมทั้งยังกู้เงินจากธนาคารตุรกีด้วย อันถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติที่ผิดกฎหมาย
นอกจากนี้ ซุมเมยี เออร์โดแกน (Sümeyye Erdogan) ลูกสาวของประธานาธิบดีตุรกีก็ทำงานลับๆกับโรงพยาบาลในค่ายแห่งหนึ่งอยู่ชายแดนตุรกี-ซีเรีย ทุกวันจะมีรถบรรทุกทหารนำนักรบจิฮาดไอซิสที่ได้บาดเจ็บมารักษาพยาบาล เมื่อหายแล้วก็ส่งกลับไปรบในซีเรียอีก ข้อมูลนี้มาจากการไต่สวนพยาบาลผู้หนึ่งที่ถูกนำไปทำงานให้ที่โรงพยาบาล จนกระทั่งทราบว่าเธอเป็นสมาชิกของกลุ่มอิสลามอาลาไวท์( the Alawite)หรือเป็นอิสลามเหมือนกับประธานาธิบดีอัล-อัสซาด โดยนิกายอาลาไวท์เป็นสาขาหนึ่งของอิสลามชีอะห์
นายรามาซาน บาโกล(Ramazan Bagol)ชาวตุรกีถูกกลุ่ม Kurdish People’s Defence Units (YPG)จับกุมได้หลังจากพยายามเล็ดรอดเข้าไปร่วมกับกลุ่มไอซสิในจังหวัดคอนยา เขาให้การกับผู้จับกุมเขาได้ว่าเขาถูกส่งไปให้กลุ่มไอซิสโดย Ismailia Sect ซึ่งกลุ่มนี้ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีตุรกี
นายบาโกลเปิดเผยว่า Ismailia Sect จะทำหน้าที่ระดมคนและขนส่งไปให้กับกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง ก่อนไป Sect จะฝึกการรบแบบจิฮาดให้ในศูนย์ฝึกนอกเมืองคอนยา เมื่อเสร็จก็จะส่งไปสมทบกับกลุ่มไอซิสในซีเรีย
ประธานาธิบดีรีเซป เออร์โดแกน แห่งตุรกีถูกเปิดโปงว่าเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มไอซิสโดยตรงและหลายด้าน
นายธีแอร์รี เมย์ซอง (Thierry Meyssan)นักวิเคราะห์ภูมิศาสตร์การเมืองชาวฝรั่งเศสเขียนไว้ว่า “รีเซป เออร์โดแกน จัดตั้งองค์กรปล้นซีเรีย (organised the pillage of Syria),รื้อถอนโรงงานทั้งหมดในเมืองอาเลปโปอันเป็นเมืองหลวงทางเศรษฐกิจของซีเรียและขโมยเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆในทำนองเดียวกันเออร์แกนโดขโมยสมบัติวัตถุโบราณของซีเรียและจัดตั้งตลาดการค้านานาชาติขึ้นที่เมืองแอนติออค(Antioch)ด้วยความช่วยเหลือของพลเอกเบอร์นัวท์ ปูกา เสนาธิการทหารบกฝรั่งเศส (General Benoît Puga, Chief of Staff for the Elysée) อนึ่งเมืองแอนติออค อยู่ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำโอรอนเตส ใกล้เมืองแอนตักยา ประเทศตุรกี
นายเมย์ซองเขียนว่า “นายเออร์โดแกนยังจัดตั้งองค์กรลับเพื่อที่จะเปิดทางให้พันธมิตรแอตแลนติกทำสงครามและทำสงครามเคมี (la Ghoutta)ทิ้งระเบิดใส่กรุงดามัสกัสเมื่อเดือนสิงหาคม 2013”
นายเมย์ซองระบุต่อไปว่ายุทธศาสตร์ของเออร์โดแกนต่อซีเรียนั้นเริ่มเมื่อปี 2011 เป็นการวางแผนลับร่วมกับนายอแลง จูเป้(Alain Juppé) อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสกับนายอาเมท ดาวูโตกลู อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี (ปัจจุบันเป็นนายกรัฐมนตรีตุรกี) ด้วยการวางแผนโจมตีซีเรียพันธมิตรอันเก่าแก่ของตุรกีเพื่อแลกกับที่ฝรั่งเศสรับปากว่าจะสนับสนุนให้ตุรกีเข้าไปเป็นสมาชิกกลุ่ม EU ต่อมาฝรั่งเศสถอนตัว แต่เออร์โดแกนกลับเดินหน้าทำสงครามเลือดด้วยการสนับสนุนกลุ่มไอซิสเต็มที่
พลเอกจอห์น อาร์. แอลแลน แห่งสหรัฐผู้อยู่ตรงข้ามกับประธานาธิบดีโอบามาในยุทธศาสตร์เจรจาสันติภาพกับอิหร่าน ปัจจุบันเขาทำหน้าที่ทางการทูตเพื่อรวบรวมพันธมิตรต่อสู้กับกลุ่มไอซิส พลเอกแอลแลนได้พบกับประธานาธิบดีตุรกีซึ่งนายเออร์โดแกนให้สัญญาว่าจะจัดตั้งเขตปลอดการบิน (no-fly zone)รัศมี 90 ไมล์ในเขตชายแดนของซีเรียและตุรกี เพื่อที่จะช่วยอพยพชาวซีเรียออกจากประเทศโดยปลอดภัย แผนนี้เรียกว่า Juppé-Wright plan
แต่แทนที่จะดำเนินการเช่นนั้นนายอาเมท ดาวูโคกลู นายกรัฐมนตรีตุรกีกลับเปิดเผยแผนการสนับสนุนของสหรัฐผ่านทีวีช่อง A Haber ด้วยการส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดใส่กลุ่ม PKK.
สำหรับกลุ่ม PKK หรือพรรคการเมือง Kurdistan Workers' Party เป็นกลุ่มเชื้อสายเคิร์ดที่ขอแยกตัวจากตุรกีออกไปปกครองตนเอง กลุ่มนี้อยู่ทางใต้ของตุรกี หลังจากไม่ได้รับการอนุมัติจึงเกิดการสู้รบด้วยอาวุธกับรัฐบาลตุรกีมาตั้งแต่ปี 1984
อย่างไรก็สงครามในซีเรียจะไม่มีวันสงบและตุรกีเองก็ไม่อาจเอาชนะรัฐบาลอัล-อัสซาดได้ เพราะทุกวันนี้ความทะเยอทะยานของนายเออร์โดแกนและนายอาเมท ดูวาโตกลู กำลังสร้างปัญหาให้กับประเทศเพื่อนบ้านรอบด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถูกเปิดโปงออกมาว่าตุรกีคือผู้สนับสนุนกลุ่มไอซิสโดยตรงและทุกด้าน
สำหรับนายรีเซป เออร์โดแกน เป็นนายกรัฐมนตรีตุรกีระหว่างปี 2003-2014 นับแต่ปี 2014 เป็นต้นมาเขาได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีตุรกี
ากซ้ายประธานาธิบดี รีเซป –บิลาล และอาจเป็น ซุมเมยี เออร์โดแกน
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!