ความคืบหน้า เหตุโจมตีที่กรุงปารีส

กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ออกแถลงการณ์ อ้างว่ากลุ่มตนอยู่เบื้องหลังเหตุกราดยิงและระเบิดพลีชีพในกรุงปารีสเมื่อคืน (13 พ.ย) ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 127 ราย และบาดเจ็บอย่างน้อย 180 คน ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ โอลองด์ ผู้นำฝรั่งเศส กล่าวถึงการโจมตีดังกล่าวว่าเป็นการทำสงครามของกลุ่มไอเอส ที่มีการเตรียมการและวางแผนนอกประเทศ โดยได้รับความช่วยเหลือจากคนในประเทศ ทั้งนี้ฝรั่งเศสได้ประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้ก่อเหตุ 8 คน ซึ่งสวมเสื้อระเบิดพลีชีพ เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่ 6 จุด ในเมืองหลวงในเวลาไล่เลี่ยกัน เจ้าหน้าที่ในฝรั่งเศสเผยว่าพบหนังสือเดินทางซีเรียเล่มหนึ่งใกล้กับศพมือระเบิด
ในการโจมตีที่งานแสดงดนตรีร็อค ซึ่งมีผู้เสียชีวิตราว 80 ราย กลุ่มผู้ลงมือยิงตัวประกันในระยะประชิด โดยก่อนหน้านั้น มือปืนอีกกลุ่มได้กราดยิงที่ภัตตาคารใกล้ ๆ กัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย นอกจากนั้นยังมีเหตุระเบิดนอกสนามกีฬาแห่งชาติ โดยในขณะนั้นทีมชาติฝรั่งเศสกำลังแข่งฟุตบอลกับทีมชาติเยอรมนี โดยมีประธานาธิบดีโอลองด์กับนายแฟรงค์-วอเทอร์ ชไตนไมเออร์ รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนีร่วมชมอยู่ในสนาม
หลังเกิดเหตุ รัฐบาลฝรั่งเศสได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวดยิ่งขึ้น โดยได้ระดมกำลังทหารและตำรวจประจำการตามจุดสำคัญ ๆ ทั่วประเทศ ทางการกรุงปารีสได้สั่งห้ามการเดินขบวนทุกรูปแบบไปจนถึงวันพฤหัสบดี นอกจากนั้นยังมีคำสั่งยกเลิกการแข่งขันกีฬาทุกประเภท และปิดหอไอเฟล จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้เข้ารักษาตัวตามโรงพยาบาลในกรุงปารีสราว 300 คน โดยมีผู้บาดเจ็บสาหัส 80 คน และชาวกรุงปารีสจำนวนมากไปเข้าแถวเพื่อบริจาคโลหิต นอกจากนั้นประชาชนได้ใช้แฮทแทค ‪#‎rechercheparis‬ เพื่อตามหาเพื่อนหรือญาติที่หายไป
ขณะเดียวกันประเทศในยุโรปหลายประเทศ ต่างเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยมากขึ้นเช่นกัน อิตาลีกับเบลเยียมเพิ่มการควบคุมพรมแดนระหว่างประเทศของตนกับฝรั่งเศส โดยนายกรัฐมนตรีเบลเยียมเตือนประชาชนของตนไม่ให้เดินทางไปกรุงปารีสในช่วงนี้ ส่วนที่โปแลนด์ รัฐมนตรีกิจการสหภาพยุโรปกล่าวว่า เนื่องจากความรุนแรงที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศส โปแลนด์จะไม่รับผู้อพยพ ตามสัดส่วนที่สหภาพยุโรปจัดสรรให้
ส่วนที่เยอรมนี เจ้าหน้าที่ในรัฐบาวาเรียเผยว่า ชายชาวมาซิโดเนียคนหนึ่งที่ทางการควบคุมตัวไว้ได้เมื่อสัปดาห์ก่อน ฐานพกพาอาวุธโดยไม่ได้รับอนุญาต อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีในกรุงปารีส
อีกด้านหนึ่ง ผู้นำประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้ทยอยออกมากล่าวแสดงความเสียใจและร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับฝรั่งเศส ล่าสุด ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวว่าความป่าเถื่อนโหดร้ายของการก่อการร้ายในครั้งนี้ เป็นการกระทำที่ท้าทายอารยธรรมของมนุษยชาติ เขารับปากว่ารัสเซียจะร่วมมือกับฝรั่งเศสอย่างใกล้ชิดในการสอบสวนเหตุที่เกิดขึ้น โดยก่อนหน้านี้นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้กล่าวว่า เยอรมนียืนหยัดเป็นหนึ่งเดียวกับฝรั่งเศส ในการปกป้องค่านิยมของยุโรปจากการโจมตีของผู้ที่นิยมความรุนแรงสุดโต่ง ส่วนนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ผู้นำอังกฤษประณามผู้ก่อเหตุว่าเป็นฆาตกรที่เหี้ยมโหด ที่กระทำการก่อการร้ายที่ชั่วร้ายที่สุดในยุโรป
ส่วนที่เมืองไทย สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์รายงานว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ส่งสาส์นแสดงความเสียใจไปยังทางการฝรั่งเศส และกำชับให้ทางสถานกงสุล ณ กรุงปารีส ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ‪#‎ParisAttacks‬