อัพเดท การโจมตีปารีส เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 128 เชื่อกลุ่มผู้ลงมือตายหมด 8 คน

ขอขอบคุณ บีบีซีไทย - BBC Thai

อัพเดท การโจมตีปารีส เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 128 เชื่อกลุ่มผู้ลงมือตายหมด 8 คน

ตัวเลขผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 180 คน ทางการประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศ ในปารีสสถานที่สำคัญต่างๆปิดหมด ทหารออกดูแลทั่วเมือง และให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน ผู้เห็นเหตุการณ์บอกเล่าว่าผู้ลงมือพูดกับตัวประกัน อ้างสาเหตุเพราะเรื่องที่ฝรั่งเศสเข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหาซีเรีย
ยามค่ำของวันที่ 13 พ.ย. ที่กรุงปารีสขณะที่ผู้คนจำนวนมากออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน มีการก่อเหตุทั้งกราดยิง ระเบิด จับตัวประกัน เฉพาะที่หอดนตรีบาตาคล็องที่เดียวที่มีการกราดยิงและจับตัวประกันมีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 80 ยังมีการกราดยิงที่ร้านอาหารและบาร์ในหลายจุด รายงานล่าสุดระบุว่าผู้ลงมือถูกยิงตายรวมแล้ว 8 คน นับเป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่เหตุการณ์ระเบิดที่กรุงมาดริดเมื่อปี 2547
ที่หอดนตรีบาตาคล็องที่บรรจุคนได้ 1,500 คนและกำลังอัดแน่นไปด้วยผู้ชมการแสดงของวงร็อคจากสหรัฐฯ Eagles of Death Metal เอเอฟพีสัมภาษณ์ Pierre Janaszak นักจัดรายการวิทยุคนหนึ่งซึ่งบอกว่า ตอนแรกเขาคิดว่าเสียงปืนเป็นส่วนหนึ่งของการแสดง แต่แล้วก็ตระหนักได้ในเวลาไม่ช้า "พวกเขายิงแบบไม่หยุด ทุกที่เต็มไปด้วยเลือดและศพ เราได้ยินเสียงกรีดร้อง ทุกคนพยายามจะหนี"
เขาบอกว่าผู้ลงมือจับตัวประกัน 20 คน เขาได้ยินหนึ่งในนั้นบอกตัวประกันว่า "มันเป็นความผิดของโอลองด์ ความผิดของประธานาธิบดีของพวกคุณ เขาไม่ควรจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องซีเรีย"
ภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง เจ้าหน้าที่ก็บุกเข้าไปในบาตาคล็อง กลุ่มผู้ลงมือสี่คนที่นั่นต่างเสียชีวิต สามคนในจำนวนนั้นใช้ระเบิดสังหารตัวเอง ส่วนอีกคนหนึ่งที่เหลือถูกเจ้าหน้าที่ยิง
ในขณะเดียวกัน ไม่ห่างจากจัตุรัส Place de la Republique และ Place de la Bastille ที่ร้านอาหารสามแห่งและบาร์ที่กำลังเต็มไปด้วยลูกค้าก็โดนโจมตีด้วย กลุ่มมือปืนใช้ปืนคาลาชนิคอฟเป็นอาวุธ
และที่สนามกีฬาสต๊าดเดอฟรองซ์ ทางตอนเหนือของปารีส ประธานาธิบดีโอลองด์กับแฟนบอลจำนวนร่วม 80,000 พร้อมกับผู้ชมทางบ้านอีกหลายล้าน กำลังดูการแข่งขันฟุตบอลระหว่างฝรั่งเศสและเยอรมันนี หลังจากมีระเบิดอย่างน้อยสองหนนอกสนาม เจ้าหน้าที่ก็รีบนำตัวนายโอลองด์ออกจากสนามกีฬาเพื่อไปยังที่ประชุมฉุกเฉินของคณะรัฐมนตรี รายงานระบุว่า ผู้ลงมือที่นั่นสามคนต่างถูกสังหาร หลังจากนั้นประธานาธิบดีโอลองด์ออกโทรทัศน์เพื่อประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกของฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2548 ทำให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจในการปิดพื้นที่สาธารณะ ประกาศเคอร์ฟิว และจำกัดการเคลื่อนไหวทั้งของประชาชนและการคมนาคม
เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่า ผู้ลงมือทุกคนตายหมดแล้ว เจ็ดคนในจำนวนนั้นตายด้วยการจุดชนวนระเบิดจากเสื้อที่ใส่มา อีกหนึ่งคนถูกเจ้าหน้าที่ยิง แต่ทั้งนี้ยังไม่ชัดว่ายังมีที่หลบหนีอยู่อีกหรือไม่ ทางการขอให้ประชาชนอยู่ในบ้าน มีการนำกำลังทหารราว 1,500 นายออกดูแลเมือง สถานที่ต่างๆรวมทั้งโรงเรียน พิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด ตลาดรวมทั้งดิสนีย์แลนด์ต่างปิดหมด
จูเลียน เพียร์ซ นักข่าวของวิทยุ Europe 1 ซึ่งอยู่ในที่แสดงดนตรีขณะที่มีการกราดยิงบอกเล่าประสบการณ์ผ่านเวบไซต์ของสถานีว่า "มีคนถือปืนเข้าไปข้างในหลายคน มีสองหรือสามคนที่ไม่ใส่หน้ากากถือปืนที่มองดูเหมือนคาลาชนิคอฟ แล้วก็เปิดฉากยิงอย่างไม่เลือกเข้าใส่ผู้คน" และ "การกราดยิงกินเวลาประมาณ 10-15 นาที มันเป็นความรุนแรงอย่างที่สุด ผู้คนแตกตื่น คนที่เข้ามาโจมตีมีเวลามากพอจะบรรจุกระสุนใหม่อย่างน้อยสามหน พวกเขาอายุน้อยมาก"
"ทุกที่เกลื่อนไปด้วยศพ"
Liberation รายงานอ้างพยานคนหนึ่งที่อยู่ในห้องแสดงดนตรีบาตาคล็อง ในจุดที่เป็นพื้นที่ให้ผู้ชมยืนดู เขาเผชิญหน้ากับผู้โจมตี "มันเป็นคอนเสิร์ตที่ดนตรีเสียงดังมาก ผมได้ยินเสียงปืน หันกลับไปก็เห็นเงาของคนที่ใส่หมวกแก้ปยืนอยู่ใกล้ประตูหลัง เขากำลังยิงมาทางผม"
"ผู้คนพากันล้มตัวลงหมอบกับพื้น ผมน่ะคิดว่าคนที่อยู่ข้างๆผมคงตายแล้ว"
"ผมออกวิ่ง กระโดดข้ามสิ่งที่กีดขวางแล้วก็ออกมาพร้อมๆกับคนกลุ่มแรกๆที่อยู่ใกล้ๆเวที ผมออกมาทางประตูฉุกเฉินที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของห้อง"
นสพ. Liberation ยังอ้างผู้สื่อข่าวชื่อวินเซนท์ซึ่งอยู่ในสนามกีฬาสต๊าดเดอฟรองส์ขณะที่ฝรั่งเศสลงแข่งกับเยอรมันนี "ตอนครึ่งแรกนั้นเราได้ยินเสียงดังสองครั้ง แล้วอีกหนหนึ่งซึ่งค่อยกว่าหน่อยหนึ่ง หลังจากที่ครึ่งแรกผ่านมาก็มีเฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินเหนือสนามในช่วงครึ่งหลัง"
"การแข่งขันเดินหน้าราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เราตามข่าวทางทวิตเตอร์ โดยเฉพาะเรื่องที่ว่ามีการนำตัวประธานาธิบดีโอลองด์ออกไปจากสนามแม้ว่าเราจะไม่เห็นเขาตอนออกไปก็ตาม ผมไม่ได้ดูบอลเลยในครึ่งหลัง มันมีประกาศให้คนดูออกจากสนามทางประตูด้านทิศใต้ เหนือ และตะวันตก"
ผู้สื่อข่าวบีบีซี ดาเมียน แกรมมาติคัสบอกว่า การโจมตีปารีสหนนี้มีลักษณะเป็นการโจมตีหลายจุดพร้อมๆกัน ด้วยอาวุธทั้งแบบอัตโนมัติและระเบิดโดยมีเป้าหมายที่สถานที่ที่เป็นสาธารณะ มีประชาชนอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่บรรดาเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของยุโรปเป็นห่วงเสมอมาและพยายามจะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นในเมืองใหญ่ๆในยุโรป วิธีการนี้มีผู้ใช้มาแล้ว ในมุมไบของอินเดียและที่อื่นๆ เจ้าหน้าที่มีการบ้านที่จะต้องหาคำตอบหลายเรื่อง ผู้ลงมือเป็นชาวฝรั่งเศสหรือไม่ ถ้าใช่ พวกเขากลายเป็นผู้ต้องการใช้ความรุนแรงได้อย่างไร และติดอาวุธรวมทั้งจัดตั้งตัวเองอย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นแสดงว่าฝรั่งเศสเสี่ยงมากกว่าประเทศอื่น หรือว่าทั้งยุโรปล้วนแต่เจอความเสี่ยงพอๆกัน และหากเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงปัญหาซีเรียจริง ฝรั่งเศสจะถอนตัวจากการร่วมแก้ไขความขัดแย้งดังกล่าวหรือไม่ หรือว่าจะยิ่งลงแรงมากขึ้น ‪#‎ParisAttacks‬

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์