เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม รัฐบาลตุรกีได้ออกแถลงการณ์กรณีที่รัฐบาลไทยผลักดันผู้อพยพชาวอุยกูร์เติร์คไปยังประเทศจีน โดยมีเนื้อหาว่า
เราได้ทราบถึงเรื่องราวน่าเศร้าใจอย่างยิ่งเกี่ยวกับชาวอุยกูร์เติร์คจำนวน 115 ราย ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในประเทศไทย ซึ่งถูกส่งต่อไปยังประเทศที่สามอย่างขัดแย้งกับเจตจำนงเสรีของพวกเขา
หลักการห้ามผลักดันไปเผชิญอันตรายถือเป็นหลักการพื้นฐานในกฎหมายระหว่างประเทศ
ซึ่งไม่เพียงจะควรนำไปปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัยและบุคคลที่อยู่ในสถานะคล้ายคลึงกัน เท่านั้น แต่ยังควรนำไปปฏิบัติต่อมนุษย์ทุกคนที่สิทธิในการดำรงชีวิตของพวกเขาอาจถูกล่วงละเมิดหรือทรมาน ในกรณีที่พวกเขาถูกบังคับผลักไสกลับไปยังที่ที่เขาจากมา ไม่ว่าจะในรูปของการเนรเทศหรือส่งตัวกลับ หลักการดังกล่าวถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจนในอนุสัญญาว่าด้วยสถานะของผู้ลี้ภัยในปี 1951 และอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการทารุณกรรมอื่นๆ, การปฏิบัติหรือลงโทษผู้ใดอย่างลดทอนหรือปฎิเสธความเป็นมนุษย์ ในปี 1984
เราจึงรู้สึกสังเวชใจต่อการกระทำของรัฐบาลไทย ซึ่งฝ่าฝืนกฎหมายด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศ แม้ว่าก่อนหน้านี้ รัฐบาลตุรกีจะเคยมีความริเริ่มที่จะหาทางออกให้แก่ปัญหาดังกล่าวหลายครั้ง ผ่านการเจรจาหารือกับรัฐบาลไทย และองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
สุดท้าย ตุรกีและประชาคมนานาชาติจะยังคงติดตามปัญหาที่เกี่ยวพันกับชะตากรรมของ "ญาติพี่น้องของเรา" อย่างใกล้ชิดและเอาใจใส่ต่อไป
ขณะเดียวกัน นายจอห์น เคอร์บี้ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐ ได้แถลงการณ์ประณามรัฐบาลไทยในกรณีดังกล่าวเช่นกัน
โดยสหรัฐ ชี้ว่าการเนรเทศชาวอุยกูร์กว่า 100 คน กลับจีน โดยรัฐบาลไทย ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า ผู้ถูกเนรเทศเหล่านั้นอาจจะถูกปฏิบัติด้วยอย่างรุนแรง โดยปราศจากการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมนั้น เป็นการกระทำที่สวนทางกับพันธะผูกพันที่ประเทศไทยมีต่อประชาคมนานาชาติ รวมถึงแนวทางปฏิบัติในการจัดหาที่หลบภัยให้แก่บุคคลผู้อ่อนแอขาดที่พึ่ง ซึ่งได้รับการยึดถือมาอย่างยาวนาน
รัฐบาลสหรัฐยังมีความวิตกกังวลอย่างยิ่งต่อมาตรการการดูแลคุ้มครองบุคคลที่ต้องการสถานะผู้ลี้ภัยตลอดจนผู้อพยพที่ทุกข์ยากรายอื่นๆซึ่งเดินทางเข้ามายังประเทศไทย นอกจากนี้ ทางการสหรัฐขอชี้แนะอย่างจริงจังว่า รัฐบาลไทยและรัฐบาลของประเทศอื่นๆ ซึ่งชาวอุยกูร์เดินทางเข้าไปลี้ภัยนั้น จะต้องไม่เนรเทศเชิงบังคับผลักไสชาวอุยกูร์เหล่านั้นออกนอกประเทศอีก
รัฐบาลสหรัฐยังได้กระตุ้นให้ทางการจีนยึดถือบรรทัดฐานของประชาคมนานาชาติรวมทั้งต้องยืนยันถึงความโปร่งใส, กระบวนการทางกฎหมายที่เป็นธรรม และการปฏิบัติอย่างถูกต้องเหมาะสมต่อชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับประเทศจีน สหรัฐยังคงเน้นย้ำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ ตระหนักถึงความสำคัญในการให้ความเคารพต่อหลักสิทธิมนุษยชนและพันธะผูกพันที่ตนเองมีภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ
รัฐบาลสหรัฐยังกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับของทางการไทยยึดมั่นในพันธะผูกพันที่ประเทศไทยมีต่อประชาคมนานาชาติ ภายใต้อนุสัญญาต่อต้านการทรมาน ซึ่งบัญญัติให้ทุกประเทศที่ร่วมลงนามในอนุสัญญาดังกล่าวงดเว้นที่จะผลักดันผู้ขอลี้ภัยกลับไปเผชิญอันตราย
นอกจากนี้ ทางการสหรัฐยังเสนอให้องค์กรด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศ สามารถเข้าไปตรวจสอบชะตากรรมของชาวอุยกูร์ที่ถูกผลักดันกลับประเทศได้อย่างอิสระ เพื่อจะเป็นหลักประกันว่าบุคคลเหล่านั้นจะได้รับความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมและการปกป้องคุ้มครองอย่างที่พวกเขาควรจะได้รับ
ท้ายสุด รัฐบาลสหรัฐได้แนะนำให้รัฐบาลไทยอนุญาตให้ผู้อพยพชาวอุยกูร์ที่ยังเหลืออยู่ในประเทศ สามารถเดินทางต่อไปยังประเทศที่สามตามความสมัครใจและการตัดสินใจเลือกของพวกเขาเอง
บานปลาย! รบ.สหรัฐ-ตุรกี รุมแถลงประณามไทย กรณีผลักชาวอุยกูร์กว่าร้อยชีวิตกลับจีน
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวรอบโลก บานปลาย! รบ.สหรัฐ-ตุรกี รุมแถลงประณามไทย กรณีผลักชาวอุยกูร์กว่าร้อยชีวิตกลับจีน