เจย์ แฟมีกลีเอตติ นักวิทยาศาสตร์อาวุโสผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำ ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) สหรัฐอเมริกา ที่ทำงานอยู่กับห้องปฏิบัติการเจ็ท โพรพัลชั่น ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เขียนบทความเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ลอสแองเจลิส ไทม์ส เมื่อเร็วๆ นี้ เตือนประชาชนและทางการรัฐแคลิฟอร์เนียว่า รัฐแคลิฟอร์เนียกำลังสูญเสียน้ำสำรองใต้ดินไปเป็นจำนวนมากในทุกๆ ปี ตกราวปีละ 15 ล้านลิตรต่อปีมาตั้งแต่ปี 2011
ในขณะเดียวกัน พื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำซาคราเมนโตและซานฮัวควิน ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำรองสำคัญที่สุดของรัฐแคลิฟอร์เนีย มีปริมาณน้ำสำรองจากทุกๆ แหล่ง ทั้งหิมะ, แม่น้ำสายต่างๆ, อ่างเก็บน้ำ, น้ำในดินและน้ำใต้ดินรวมกันแล้วมีปริมาณต่ำกว่าปริมาณน้ำสำรองปกติถึง 42 ล้านลิตร และยังไม่มีวี่แววว่าจะมีน้ำมาเพิ่มเติมแต่อย่างใด
ผลลัพธ์ก็คือ แคลิฟอร์เนีย จะหลงเหลือน้ำให้ใช้ได้เพียง 1 ปีเท่านั้น และน้ำจากแหล่งธรรมชาติสำคัญก็เหือดแห้งหายไปอย่างรวดเร็วอีกต่างหาก
แฟมีกลีเอตติ ระบุว่าการตรวจสอบเมื่อหน้าฝนและฤดูกาลที่เปียกชื้นที่ผ่านมาสิ้นสุดลง แสดงชัดเจนว่าภาวะฝนที่มีเพียงเล็กน้อย รวมถึงหิมะที่ตกเบาบางไม่ได้ทำให้ภาวะวิกฤตแล้งของแคลิฟอร์เนียดีขึ้นกลับหนักขึ้นยิ่งกว่าเดิม เพราะในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ถือว่าเป็นเดือนที่ก่อภาวะแห้งแล้งให้เกิดขึ้นมากที่สุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่มีการเริ่มบันทึกสถิติในปี1895เป็นต้นมา ระดับน้ำใต้ดินและระดับสะสมของหิมะลดลงจนต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เช่นเดียวกัน
"ต่อไปเราไม่เพียงไม่จำเป็นต้องพายเรือในลำธารที่แคลิฟอร์เนียแล้วเท่านั้น แม้แต่ลำธารทั้งหลายก็จะแห้งหายไปด้วย" แฟมีกลีเอตติระบุ
กระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกาเพิ่งแถลงเมื่อไม่นานมานี้ว่า ระดับหิมะสะสมบนเทือกเขาคาสเขดส์ และ เซียราเนวาดา จากสถานีตรวจวัด 1 ใน 3 ของสถานีตรวจวัดทั้งหมดแสดงตัวเลขลานหิมะว่าอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีการวัดกันมาเช่นกัน
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ทีมนักวิทยาศาสตร์ของนาซา, มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ และมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ลงพื้นที่ศึกษาวิจัยเพื่อคาดการณ์สถานการณ์ในอนาคต ผลที่ได้ก็คือ แคลิฟอร์เนียจะตกอยู่ในสภาพที่แห้งแล้งกว่าที่เป็นอยู่อย่างมาก สภาพที่แคลิฟอร์เนียจะเผชิญในอนาคตก็คือ "ภาวะแห้งแล้งครั้งใหญ่" ซึ่งคาดว่าจะเริ่ม ณ จุดใดจุดหนึ่งระหว่างปี 2050-2099 และแต่ละครั้งที่เกิดภาวะแล้งจัดดังกล่าวนั้นจะกินเวลายาวนานอย่างน้อย 10 ปี โดยที่อาจยาวนานได้ถึง 20-30 ปีต่อครั้ง
แฟมีกลีเอตติ ผู้เชี่ยวชาญของนาซาเรียกร้องให้รัฐแคลิฟอร์เนียประกาศมาตรการปันส่วนน้ำในทันที พร้อมด้วยการกำหนดมาตรการเข้มงวดในการติดตามระดับน้ำใต้ดินเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีการนำมาใช้อย่างฟุ่มเฟือยและไม่ยั่งยืนเหมือนอย่างเช่นที่เป็นอยู่ในปัจจุบันในพื้นที่เซนทรัลแวลลีย์ ที่สูบน้ำใต้ดินขึ้นมาใช้เพื่อเกษตรกรรม ที่นอกจากจะมีส่วนสำคัญทำให้เกิดการสูญเสียน้ำใต้ดินมหาศาลทุกปีแล้ว
ยังเป็นเหตุให้พื้นดินในบริเวณที่เต็มไปด้วยระบบชลประทานทรุดตัวลงมากถึง 30 เซนติเมตรต่อปีอีกด้วย
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
