นาซาเตือน รัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐฯ อาจเหลือน้ำใช้อีกเพียงปีเดียว หลังประสบวิกฤติแล้งหนัก น้ำสำรองใต้ดินถูกใช้ปีละกว่า 15 ล้านลิตร
วันนี้ (23 มี.ค.) ผู้สื่อขาวรายงานว่า นายเจย์ แฟมีกลีเอตติ นักวิทยาศาสตร์อาวุโสผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (นาซา) ที่ทำงานอยู่กับห้องปฏิบัติการเจ๊ต โพรพัลชั่น ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้เขียนบทความเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ลอสแอง เจลิส ไทมส์ เพื่อเตือนประชาชนและทางการรัฐแคลิฟอร์เนีย ว่า รัฐแคลิฟอร์เนียกำลังสูญเสียน้ำสำรองใต้ดินไปเป็นจำนวนมากในทุกปีมาตั้งแต่ปี 2011 ประมาณปีละ 15 ล้านลิตร
ขณะที่ พื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำซาคราเมนโตและซานฮัวควิน ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำรองสำคัญที่สุดของรัฐแคลิฟอร์เนีย มีปริมาณน้ำสำรองจากทุกแหล่ง ทั้งหิมะ, แม่น้ำสายต่างๆ, อ่างเก็บน้ำ, น้ำในดินและ น้ำใต้ดิน รวมกันแล้วมีปริมาณต่ำกว่าน้ำสำรองปกติถึง 42 ล้านลิตร และยังไม่มีวี่แววว่าจะมีน้ำมาเพิ่มแต่อย่างใด เป็นเหตุให้แคลิฟอร์เนียจะหลงเหลือน้ำให้ใช้ได้เพียง 1 ปีเท่านั้น และน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติสำคัญยังกลับเหือดแห้งหายไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ นายแฟมีกลีเอตติ ระบุว่า จากการตรวจสอบเมื่อหน้าฝนและฤดูกาลที่เปียกชื้นที่ผ่านมา แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ภาวะฝนที่มีเพียงเล็กน้อย รวมถึงหิมะที่ตกเบาบางไม่ได้ทำให้ภาวะวิกฤติแล้งของแคลิฟอร์เนียดีขึ้นกลับหนักขึ้นยิ่งกว่าเดิม เพราะในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นเดือนที่ก่อภาวะแห้งแล้งให้เกิดขึ้นมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่มีการเริ่มบันทึกสถิติในปี 1895 ระดับน้ำใต้ดินและระดับสะสมของหิมะลดลงจนต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เช่นเดียวกัน โดยเขาได้กล่าวด้วยว่า "ต่อไปเราไม่เพียงไม่จำเป็นต้องพายเรือในลำธารที่แคลิฟอร์เนียแล้วเท่านั้น แม้แต่ลำธารทั้งหลายก็จะแห้งหายไปด้วย"
ซึ่ง ทางกระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกาเพิ่งแถลงเมื่อไม่นานมานี้ว่า ระดับหิมะสะสมบนเทือกเขาคาสเขดส์ และเซียราเนวาดา จากสถานีตรวจวัด 1 ใน 3 ของสถานีตรวจวัดทั้งหมดแสดงตัวเลขลานหิมะว่าอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีการวัดกันมาเช่นกัน ในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ทีมนักวิทยาศาสตร์ของนาซา, มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ และมหาวิทยาลัยโคลอมเบีย ลงพื้นที่ศึกษาวิจัยเพื่อคาดการณ์สถานการณ์ในอนาคต ผลที่ได้ก็คือ แคลิฟอร์เนียจะตกอยู่ในสภาพที่แห้งแล้งจัด ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น "ภาวะแห้งแล้งครั้งใหญ่" ซึ่งอาจเริ่มต้นระหว่างปี 2050 - 2099 และแต่ละครั้งที่เกิดภาวะแล้งจัดดังกล่าวนั้นจะกินเวลายาวนานอย่างน้อย 10 ปี และอาจยาวนานได้ถึง 20 - 30 ปีต่อครั้งเลยทีเดียว
นอกจากนี้ นายแฟมีกลีเอตติ ยังเรียกร้องให้รัฐแคลิฟอร์เนียประกาศมาตรการปันส่วนน้ำในทันที พร้อมกำหนดมาตรการเข้มงวดในการติดตามระดับน้ำใต้ดินเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีการนำมาใช้อย่างฟุ่มเฟือยและไม่ยั่งยืน เหมือนอย่างเช่นที่เป็นอยู่ในปัจจุบันในพื้นที่เซ็นทรัล แวลลีย์ ที่สูบน้ำใต้ดินขึ้นมาใช้เพื่อเกษตรกรรม ที่นอกจากจะมีส่วนสำคัญทำให้เกิดการสูญเสียน้ำใต้ดินมหาศาลทุกปีแล้ว ยังเป็นเหตุให้พื้นดินในบริเวณที่เต็มไปด้วยระบบชลประทานทรุดตัวลงมากถึง 30 เซนติเมตรต่อปีอีกด้วย
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
