เว็บไซต์ข่าว เดอะ สตาร์ รายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ว่า เจ้าหน้าที่หน่วยต่อต้านการก่อการร้ายของมาเลเซีย บุกจับกุมนักเรียนหญิงวัย 14 ปี คนหนึ่ง ที่ท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ เมื่อเวลา 19.30 น. วันอังคารที่ผ่านมา ตามกฎหมายว่าด้วยความมั่นคงฉบับปี 2555 หลังสืบทราบว่า เธอกำลังจะเดินทางไปยังตะวันออกกลาง เพื่อเข้าร่วมกับกลุ่มก่อการร้ายไอเอส โดยจากการสืบสวนพบว่า เธอมีแผนจะเดินทางไปหาแฟนหนุ่มชาวมาเลเซียวัย 22 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร ในกรุงไคโรของอียิปต์ ทั้งคู่ตั้งใจจะแต่งงานกัน จากนั้นก็จะเดินทางข้ามไปยังซีเรีย
ด้าน พล.ต.อ. ตันสรี คาลิด อาบู บาการ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย กล่าวว่า ทางการจะไม่ยอมให้กลุ่มก่อการร้ายใช้มาเลเซียเป็นฐาน ในการฝึกและที่หลบซ่อนสำหรับนักรบหัวรุนแรง ใครก็ตามที่ให้การสนับสนุนหรือมีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องถูกจับกุม และว่า เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการสืบสวนเพิ่มเติม เพื่อหาตัวผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังการเข้าร่วมของเด็กสาวรายนี้ ซึ่งเบื้องต้นพบว่า เธอได้ติดต่อกับนักรบหัวรุนแรงชาวมาเลเซีย 2 คน ที่อยู่ในซีเรีย ผ่านสื่อสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ค
เจ้าหน้าที่เผยว่า เด็กสาวผู้ต้องหามาจากเมืองมูอาร์ในรัฐยะโฮร์ ปัจจุบันกำลังศึกษาในวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมืองชาห์ อาลาม รัฐสลังงอร์ ซึ่งลุงวัย 52 ปี ผู้ปกครองของเธอ เผยว่า เธอร้องขอเชิงบังคับให้ครอบครัวอนุญาตการเดินทางไปอียิปต์ โดยอ้างว่าจะไปศึกษาต่อทางด้านศาสนา ซึ่งเธอเคยข่มขู่ถึงขั้นจะฆ่าตัวตายหากเขาไม่ยอมให้ไป ส่วนเพื่อนที่โรงเรียนกล่าวว่า เป็นเรื่องคาดไม่ถึงเมื่อทราบข่าวว่าเธอถูกจับกุมด้วยข้อหาดังกล่าว เนื่องจากเธอไม่เคยแสดงพฤติกรรมที่ส่อเค้าไปในทางนั้นมาก่อน อีกทั้งความสัมพันธ์ในครอบครัวและกับเพื่อนที่โรงเรียนก็เป็นไปด้วยดี
การจับกุมที่เชื่อมโยงถึงการก่อการร้ายครั้งนี้เป็นรายที่ 68 ของมาเลเซีย นับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2556 โดยที่ผ่านมา ผู้ที่ถูกจับกุมมีบุคคลจากหลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นนาวิกโยธิน ทหารอากาศ ข้าราชการ รวมถึงเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพลังงานด้วย ซึ่งแม้จะมีการปราบปรามที่เข้มงวด แต่การเดินทางไปเข้าร่วมกลุ่มก่อการร้ายของชาวมาเลเซียยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเดือนที่แล้ว พบว่ามีสามาภรรยาคู่หนึ่ง พาลูกชายที่ยังเป็นทารกอยู่ หลบเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ เดินทางผ่านประเทศไทยไปยังตุรกีก่อนจะข้ามไปยังซีเรีย โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสืบหาตัวนักรบหัวรุนแรง 5 คน ที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มไอเอสและกลุ่มอาบูไซยาฟในฟิลิปปินส์ ขณะที่ทางการได้เรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาเฝ้าระวังแจ้งเบาะแสแก่เจ้าหน้าที่