ยูเครนกังวลเสียเมืองใหญ่ให้กบฏเพิ่มอีก
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ว่ากระทรวงกลาโหมยูเครนรายงานเมื่อวันพฤหัสบดี เรื่องการสูญหายของทหารราว 80-90 นาย นอกเหนือจากราว 90 นายซึ่งถูกจับกุมเป็นเชลยศึกไปแล้ว ระหว่างการถอนกำลังหลายพันนายออกจากเมืองเดบัลต์เซเว ทางตะวันออกของประเทศ ขณะที่ในวันเดียวกันยังมีทหารเสียชีวิตอีก 13 นาย และได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 150 นาย
ความปราชัยให้กับกลุ่มกบฏที่สมรภูมิรบในเมืองเดบัลต์เซเว ชุมทางรถไฟสายสำคัญทางตะวันออกเชื่อมต่อระหว่างเมืองโดเนตสก์กับเมืองลูฮันสก์ กระตุ้นให้ประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก เตรียมขอความช่วยเหลือจากกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) และยิ่งสร้างความวิตกกังวลให้กับรัฐบาลเคียฟ เนื่องจากหมายความว่า กองทัพรัฐบาลเหลือพื้นที่ยึดครองสำคัญในภาคตะวันออกอีกเพียงแห่งเดียว คือเมืองมาริอูโปล ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่มากถึง 500,000 คน
ทั้งนี้ การสู้รบที่ยังคงเกิดขึ้นแม้ข้อตกลงหยุดยิงฉบับใหม่มีผลตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ และความพ่ายแพ้ครั้งล่าสุดของฝ่ายรัฐบาล สร้างความไม่พอใจให้กับทหารชั้นผู้น้อยหลายนายซึ่งประจำการอยู่ในแนวหน้า โดยหลายคนกล่าวโทษผู้บังคับบัญชาว่า ทอดทิ้งให้ลูกน้องต้องเผชิญชะตากรรมอยู่เพียงลำพัง หลังเส้นทางคมนาคมถูกตัดขาด ทำให้ไม่สามารถลำเลียงเสบียงและสรรพาวุธเข้ามาให้เพิ่มเติมได้
ในเวลาเดียวกัน รัฐบาลเยอรมนี ฝรั่งเศส รัสเซีย และยูเครน ซึ่งร่วมการเจรจาสันติภาพในกรุงมินสก์ เมืองหลวงของเบลารุส เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ออกแถลงการณ์ร่วมกันประณามการสู้รบที่ยังคงเกิดขึ้น และเรียกร้องให้ทั้งทหารรัฐบาลยูเครนและกลุ่มกบฏเคารพข้อตกลงหยุดยิง ด้านรัฐบาลสหรัฐประณามกลุ่มกบฏนิยมรัสเซียว่าเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลง ด้วยการเป็นฝ่ายเริ่มยิงโจมตีก่อนกว่า 250 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. เป็นต้นมา ส่วนองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ ( นาโต ) วิจารณ์ข้อตกลงหยุดยิงในยูเครนมีความศักดิ์สิทธิ์เพียง "ในนาม" เท่านั้น