สมเด็จพระราชาธิบดีดับดุลเลาะห์แห่งซาอุดิอาระเบีย เสด็จสวรรคตแล้วเมื่อวันที่ 23 ม.ค. ด้วยพระอาการประชวรเรื้อรัง ขณะทรงมีพระชนมพรรษา 90 พรรษา
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงริยาด ประเทศซาอุดิอาระเบีย
เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ว่า สำนักพระราชวังซาอุดิอาระเบียออกแถลงการณ์เรื่อง สมเด็จพระราชาธิบดีดับดุลเลาะห์ เสด็จสวรรคตที่โรงพยาบาลคิง อับดุลลาซิซ เมดิคัล ซิตี้ ในกรุงริยาด เมื่อเวลา 01.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันนี้ ( 05.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ) สถานที่ซึ่งพระองค์เสด็จฯมาประทับรักษาพระอาการพระปัปผาสะบวม ( ปอดบวม ) ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนนี้เป็นต้นมา สิริรวมพระชนมพรรษา 90 พรรษา
หลังจากนี้ เจ้าชาย ซัลมาน บิน อับดุล อาซิซ อัล-ซาอุด พระอนุชาต่างพระราชมารดาของพระองค์
ซึ่งทรงมีพระชนมายุ 79 พรรษา จะทรงเสด็จฯขึ้นสืบทอดราชบัลลังก์แห่งราชวงศ์ซาอุดต่อไปในฐานะทรงเป็นมกุฎราชกุมาร ปัจจุบันเจ้าชายซัลมานทรงดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงริยาด และทรงดำรงตำแหน่งรมว.กระทรวงกลาโหมมาตั้งแต่ปี 2555 สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ บิน อับเดลอาซิส ประสูติเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2467 ที่กรุงริยาด เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2548 อย่างไรก็ตาม ในระยะหลังพระองค์ทรงมีพระอาการประชวรเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับพระปัปผาสะ ส่งผลให้คณะแพทย์ต้องถวายการรักษาด้วยการสวมท่อเพื่อช่วยในการหายพระทัย
ทั้งนี้ ตลอดรัชสมัยของสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ ซาอุดิอาระเบียได้รับการปฏิรูปในหลายด้าน
ขณะที่ในด้านการเมืองมีการเพิ่มความร่วมมือกับสหรัฐในการปราบรามกลุ่มอัล-กออิดะห์และแนวร่วมอย่างแข็งขัน จึงกลายเป็นประเทศพันธมิตรสำคัญที่สุดในตะวันออกกลางสำหรับรัฐบาลวอชิงตัน นอกเหนือจากการมีบทบาทบทเวทีโลกในฐานะผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันรายใหญ่ นักวิเคราะห์จึงมองว่า การเปลี่ยนผ่านของราชวงศ์ซาอุดในครั้งนี้จะมีผลทางการเมืองต่อสหรัฐอย่างแน่นอน