แฉสาเหตุแอร์เอเชียตก นํ้ำแข็งเกาะ จนเครื่องยนต์ไม่ทำงาน

มีความคืบหน้ากรณีเครื่องบินโดยสารแอร์บัส เอ 320 ของสายการบินแอร์เอเชีย อินโดนีเซียเที่ยวบิน QZ 8501 สุราบายา-สิงคโปร์
 
ประสบเหตุตกกลางทะเลชวา นอกชายฝั่งเกาะกาลิมันตันของอินโดนีเซียเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตทั้งลำ 162 ราย โดยทีมกู้ภัยเร่งค้นหาผู้เสียชีวิตและซากเครื่องบินต่อเนื่องมาครบ 7 วันแล้ว โดยค้นพบศพผู้เสียชีวิตแล้ว 34 ศพ และซากเครื่องบินขนาดใหญ่ แต่กล่องดำบันทึกการบินยังต้องค้นหาต่อไป

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 มกราคมว่า
 
นายฟรานซิสกัส บัมบัง ซูลิสต์โย่ หัวหน้าสำนักงานค้นหาและกู้ภัยของอินโดนีเชียแถลงว่า จนถึงขณะนี้กู้ศพขึ้นมาได้ทั้งหมด 34 ศพแล้ว อย่างไรก็ตาม สภาพอากาศที่แปรปรวนมีคลื่นลมแรงและฝนตก ยังคงเป็นอุปสรรคต่อการค้นหากล่องดำและการตรวจสอบวัตถุขนาดใหญ่ที่พบแล้ว 5ชิ้น ซึ่งคาดว่าเป็นซากชิ้นส่วนเครื่องบิน โดยนักประดาน้ำลงไปค้นหาวัตถุต้องสงสัยดังกล่าวใต้ทะเลเมื่อเช้าวันเดียวกันนี้ แต่สภาพอากาศเลวร้ายทำให้ต้องระงับการค้นหา เมื่อสภาพอากาศดีขึ้น นักประดาน้ำจึงจะกลับมาทำงานใหม่ โดยมีทีมนักประดาน้ำที่ชำนาญจากรัสเซีย ซึ่งเพิ่งเดินทางมาถึงศูนย์อำนวยการค้นหาในเมืองปังกาลันบุนเข้าร่วมด้วย

โดยนายบัมบัง โซลิสต์โย หัวหน้าสำนักงานค้นหาและกู้ภัยแห่งชาติของอินโดนีเซียกล่าวว่า การค้นหาชิ้นส่วนเครื่องบินพบแล้ว 5 ชิ้น โดยชิ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุดความยาว 18 เมตรและกว้าง 5.4เมตร ซึ่งทางการอินโดนีเซียมั่นใจว่าเป็นชิ้นส่วนของเครื่องบินแอร์เอเชีย เที่ยวบิน QZ 8501

ด้านทีมพิสูจน์อัตลักษณ์ของอินโดนีเชียและผู้เชี่ยวชาญจากนานาชาติเร่งตรวจสอบลักษณะบุคคล เนื่องจากมีศพทยอยส่งเข้ามาต่อเนื่อง

โดยศพที่ส่งมาให้พิสูจน์ถูกเก็บไว้ในห้องเย็นภายในโรงพยาบาลตำรวจในเมืองสุราบายา เมื่อพิสูจน์ทราบแล้วจะส่งศพให้ญาติไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป ขณะที่ทีมนิติเวชชวาตะวันออกกล่าวว่า ตำรวจรวบรวมข้อมูลดีเอ็นเอจากครอบครัวของผู้เคราะห์ร้ายมาแล้ว เพื่อใช้ในการพิสูจน์ศพครั้งนี้ เนื่องจากศพอยู่ในน้ำนานหลายวัน ซึ่งหากเกินระยะเวลา 7 วัน ก็ยากที่จะพิสูจน์ลายนิ้วมือได้ โดยขั้นแรกทำได้เพียงระบุเพศและสัญชาติเท่านั้น อย่างไรก็ตาม มีผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์จำนวนมากมาร่วมกระบวนการพิสูจน์ให้ได้โดยเร็ว

วันเดียวกัน โฆษกสำนักงานตำรวจชวาตะวันออกแถลงว่า สื่อมวลชนจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าทำข่าวและถ่ายภาพการขนส่งศพผู้โดยสารเครื่องบินแอร์เอเชีย ตามคำร้องขอของครอบครัว หลังมีการแพร่ภาพศพ 4 รายแรกก่อนนี้ อย่างไรก็ตาม นับจนถึงวันเสาร์เจ้าหน้าที่นำส่งศพ 6 ศพให้ครอบครัวไปแล้ว

จากการสืบสวนหาสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินแอร์เอเชีย เที่ยวบิน QZ8501ตกทะเล

สำนักอุตุนิยมวิทยาอินโดนีเซียตั้งข้อสันนิษฐานสาเหตุเบื้องต้นว่า เครื่องบินลำดังกล่าวน่าจะบินเข้าไปในกลุ่มเมฆฝ่าพายุฝนฟ้าคะนอง ดังนั้น จากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงอุตุนิยมวิทยาที่มีอยู่ สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดก็คือ สภาพอากาศขณะนั้น ทำให้เกิดน้ำแข็ง และน้ำแข็งได้จับที่ตัวเครื่องยนต์จนพังเสียหาย และทำให้เครื่องบินสูญเสียแรงยก และตกในที่สุด

ทั้งนี้ เครื่องบินเที่ยวบิน QZ8501 พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด 162 คน ประสบอุบัติเหตุตกเมื่อวันอาทิตย์ ที่ 28 ธันวาคม 2557
 
ขณะบินจากเมืองสุราบายา มุ่งสู่สิงคโปร์ โดยหอควบคุมการจราจรทางอากาศของอินโดนีเชียระบุว่า กัปตันแจ้งขอเพิ่มเพดานบินจาก 32,000 ฟุต เป็น 38,000 ฟุตเพื่อหนีพายุ แต่ไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากมีเครื่องบินลำอื่นบินอยู่ที่ระดับดังกล่าวอยู่แล้ว จากนั้น เครื่องบินแอร์เอเชียลำนี้ก็ขาดการติดต่อ หรือประมาณ 40 นาที หลังจากทะยานขึ้นจากสนามบิน

ส่วนกรมการบินพลเรือนสิงคโปร์และท่าอากาศยานชางงีออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า
 
เป็นฝ่ายอนุญาตให้เครื่องบินสายการบินแอร์เอเชียอินโดนีเซีย เส้นทางสุราบายา-สิงคโปร์ขึ้นบินเอง เพิ่มจากที่ทางการอินโดนีเซียเคยกำหนดบริการบินต่อสัปดาห์ไว้ ทั้งนี้ ก่อนที่สายการบินใดก็ตามจะให้บริการบินระหว่างประเทศ จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติเที่ยวบินจากกรมการบินพลเรือนของประเทศปลายทาง ซึ่งจะพิจารณาในแต่ละเที่ยวบินที่ขอเพิ่มเติม ซึ่งในครั้งนี้เที่ยวบินอินโดนีเซียแอร์เอเชียมีจุดหมายมายังสิงคโปร์ และขออนุญาตขยายบริการบินรายวันในเที่ยวบินสุราบายา(อินโดนีเซีย)-สิงคโปร์ สำหรับช่วงฤดูหนาวจากวันที่ 26 ตุลาคม 2557-วันที่ 28 มีนาคม 2558 โดยมีจุดหมายยังสนามบินชางงีของสิงคโปร์ในเวลา 08.30 น. แถลงการณ์ระบุว่า การให้บริการเที่ยวบินรายวันดังกล่าวได้รับการอนุมัติตามความตกลงทวิภาคีด้านการบิน และสนามบินชางงีก็อนุญาตแล้วเช่นกัน

สำนักข่าวเบอร์นามาของทางการมาเลเซียรายงานว่า โดยทั่วไปสายการบินอินโดนีเซียแอร์เอเชียให้บริการบินสัปดาห์ละ 4 เที่ยวในวันจันทร์ วันพุธ วันศุกร์และวันอาทิตย์ แต่สายการบินอาจปรับเปลี่ยนบริการบินได้มากขึ้นตามเทศกาลเพื่อรองรับปริมาณความต้องการที่เพิ่มขึ้น