หนุ่มคลั่งวัย 33 ปีชาวอเมริกัน ก่อเหตุสุดสะพรึงด้วยการจ้วงแทงแฟนเก่าที่บริเวณศีรษะ คอและลำตัวหลายแห่งจนเสียชีวิต พร้อมควักสมอง ปอด หัวใจของเธอออกมาต้มกิน
เว็บไซต์ข่าวสหรัฐ “ยูเอสเอ ทูเดย์ ” รายงานจากรัฐอินดีแอนา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ว่า นายโจเซฟ โอเบอร์ฮันสเลย์ วัย 33 ปี ถูกตำรวจรัฐอินดีแอนาของสหรัฐเข้าจับกุมและตั้งข้อหาฆาตกรรม ทำลายศพและบุกรุก หลังเขาใช้มีดแทงนางแทมมี โจ แบลนตัน วัย 46 ปี อดีตคนรักที่เพิ่งมาประกันตัวเขาออกจากเรือนจำ บริเวณศีรษะ คอและลำตัวหลายแผลจนเธอเสียชีวิต จากนั้นซุกซ่อนศพไว้ในอ่างอาบน้ำพร้อมคลุมด้วยแผ่นไวนิล
เจ้าหน้าที่กล่าวว่าเขามีบาดแผลที่บริเวณข้อนิ้ว และมีท่าทางแปลก ๆ ขณะเข้าค้นบ้านของผู้เสียชีวิต ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเจฟเฟอร์สันวิลล์ของรัฐดังกล่าว โดยตำรวจได้รับแจ้งจากเพื่อนร่วมงานของนางแบลนตันว่าเธอไม่มาทำงานจึงสงสัยว่าอาจได้รับอันตราย เมื่อตำรวจบุกเข้าตรวจค้นบ้านพัก และค้นตัวนายโอเบอร์ฮันสเลย์ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ดูก็พบมีดเล่มหนึ่งเหน็บไว้ที่กระเป๋าหลัง ส่วนศพผู้เสียชีวิตที่พบนั้น มีบาดแผลถูกแทงหลายแห่ง กระโหลกถูกเปิดออก ชิ้นส่วนของสมอง หัวใจ และปอดบางส่วนหายไป เมื่อสอบสวนดูนายโอเบอร์ฮันสเลย์ ยอมรับสารภาพว่า เขานำชิ้นส่วนดังกล่าวไปต้ม และรับประทาน นอกจากนี้ตำรวจยังพบชิ้นส่วนมนุษย์ในถุงขยะภายในบ้านอีกด้วย
โดยเมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่นำตัวนายโอเบอร์ฮันสเลย์มาขึ้นไต่สวนในชั้นศาล เขาปฏิเสธว่า เขาไม่ได้ชื่อ “โจเซฟ โอเบอร์ฮันสเลย์” แต่ชื่อ “เซอุส บราวน์” พร้อมทั้งกล่าวว่า ตำรวจจับผิดคน อย่างไรก็ตามนายโอเบอร์ฮันสเลย์ยังคงถูกคุมขังไว้ในเรือนจำโดยไม่ให้มีการประกันตัว ในอดีตนายโอเบอร์ฮันสเลย์ เคยก่อคดีอาชญากรรมมามากมาย โดยในปี 2543 เขาก่อเหตุฆาตกรรมแฟนสาววัย 17 ปี หลังจากที่เธอคลอดลูกของเขาได้เพียงไม่นาน อย่างไรก็ตามนางแบลนตันเป็นผู้มาประกันตัวเขาออกจากเรือนจำไปด้วยเงินมูลค่า 500 ดอลลาร์สหรัฐ (16,200 บาท) หลังอัยการรายหนึ่งอนุญาตให้มีการประกันตัวทั้งนี้เมื่อเขาก่อคดีสังหารขึ้นอีกครั้ง นายเจเรมี มุลล์ อัยการผู้รับผิดชอบคดีเผยว่า นายโอเบอร์ฮันสเลย์เป็นบุคคลอันตรายที่เป็นภัยต่อสังคม ทั้งนี้อัยการที่เป็นผู้อนุญาตให้มีการประกันตัวเขาในอดีตก็ยื่นใบลาออกรับผิดชอบต่อความผิดพลาดแล้ว