สุดช็อก!!เด็กหญิงญี่ปุ่นก่อคดีโหดฆ่าตัดคอเพื่อน เผยเจ้าตัวเป็นเด็กฉลาดแต่อารมณ์แปรปรวนบ่อย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดคดีฆ่าสยองช็อกชาวญี่ปุ่นโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่าเมื่อวันที่27กรกฎาคมที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้จับกุมเด็กนักเรียนหญิงชั้นมัธยม อายุ 15 ปีของโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองซาเซโบะ จังหวัดนางาซากิ ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น ในข้อหาต้องสงสัยฆาตกรรมเพื่อนร่วมโรงเรียนเดียวกันที่มาหาผู้ต้องสงสัยรายนี้ที่อพาร์ทเม้นต์ที่พักในเมืองซาเซโบะเหตุเกิดเมื่อเวลาราว20.00น.ของวันที่26 กรกฎาคม
เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่าการจับกุมผู้ต้องสงสัยก่อคดีฆ่าโหดเพื่อนรายนี้ ที่ไม่มีการเปิดเผยชื่อต่อสาธารณะ
เนื่องจากยังเป็นผู้เยาว์นั้น มีขึ้นหลังจากเจ้าตัวยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุเองทั้งหมด โดยการเข้าทำร้ายผู้ตายจากด้านหลังด้วยการใช้เครื่องดนตรีที่เป็นโลหะฟาดเข้าที่ศีรษะของด.ญ.ไอวะ มัตสึโอะ เพื่อนนักเรียนโรงเรียนเดียวกัน วัย 15 ปี นับหลายสิบครั้งและบีบรัดคอผู้ตาย ทั้งยังได้ตัดศีรษะและมือซ้ายของผู้ตายไปด้วย สำหรับศพของผู้ตายถูกพบอยู่บนเตียงในอพาร์ทเม้นต์หลังเกิดเหตุที่ตั้งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟซาเซโบะไปเพียง 1 กิโลเมตรในช่วงเช้าของวันถัดมา ทั้งนี้ เด็กหญิงผู้ต้องสงสัยลงมือฆ่าโหดเพื่อนอาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นต์หลังนี้แต่เพียงลำพัง โดยพ่อแม่ของเธอพักอยู่ที่อื่นแต่เมืองเดียวกัน ส่วนแรงจูงใจในการก่อเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวน
ข่าวแจ้งว่า ด.ญ.มัตสึโอะได้เดินทางออกจากบ้านไปในช่วงบ่ายของวันเกิดเหตุ โดยบอกพ่อแม่ว่าเธอจะออกไปเล่นกับเพื่อน แต่เมื่อค่ำมืดแล้วมัตสึโอะยังไม่กลับบ้าน พ่อแม่จึงเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากการเปิดเผยของเพื่อนและคนที่รู้จักคนเคยกับผู้ต้องสงสัยรายนี้บอกว่า เธอเป็นเด็กฉลาดมาก แต่อารมณ์มักขึ้นๆลงๆ และชอบจะร้องไห้เมื่อเกิดการโต้เถียงกับใครขึ้น
คดีเด็กนักเรียนก่อเหตุสังหารโหดเพื่อนครั้งล่าสุดได้ก่อความรู้สึกตกตะลึงไปทั่ววงการศึกษาในเมืองซาเซโบะเนื่องจากเคยเกิดเหตุฆาตกรรมในทำนองคล้ายกันนี้มาก่อนแล้วในปี2547โดยเป็นเด็กนักเรียนหญิงชั้นประถมอายุ 11 ปี ใช้มีดแทงเพื่อนร่วมชั้น วัย 12 ปีจนเสียชีวิต ซึ่งสื่อท้องถิ่นรายงานว่าเด็กที่ลงมือก่อเหตุเพราะเหยื่อไปวิจารณ์รูปร่างหน้าตาของเธอในห้องสนทนาออนไลน์ คดีสะเทือนขวัญครั้งนั้นได้เป็นตัวกระตุ้นให้ครูอาจารย์ลุกขึ้นมาส่งเสริมกิจกรรมในโรงเรียนเพื่อให้เด็กตระหนักถึงความมีศีลธรรมในการใช้ชีวิตมากขึ้นอย่างไรก็ตามเมื่อเกิดเหตุฆาตกรรมครั้งนี้จึงทำให้เกิดคำถามตามมาว่าความพยายามดังกล่าวสูญเปล่าหรือไม่