เปิด"ปมใหม่" เที่ยวบิน 370 น้ำมันหมด-ร่อนเครื่องกลางทะเล แงะ"ปริศนา"ทำไมไม่มีชิ้นส่วนโผล่?
ปริศนาเครื่องบินโบอิ้ง 777-200ERเที่ยวบิน MH370สายการบินมาเลเซียที่สูญหายอย่างไร้ร่องรอย ตั้งแต่วันที่ 8มีนาคม ถึงขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานใด คลี่คลายให้กระจ่างได้
แม้หลายชาติผนึกกำลังส่งเจ้าหน้าที่จำนวนมากรวมทั้งเครื่องบิน กองเรือนับสิบๆลำ เพื่อค้นหาซากเครื่องบินลำนี้ในมหาสมุทรแปซิฟิก มหาสมุทรอินเดีย แต่ยังไม่พบชิ้นส่วนใดๆของเครื่องบินลำนี้แม้แต่ชิ้นเดียว
มิหนำซ้ำ การหายไปของเที่ยวบิน 370ยังทำให้เกิดปมปริศนาใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เช่นคำถามที่ว่า
เมื่อเครื่องบินตกลงสู่ทะเลแล้วจะ "จมลงน้ำไปทั้งลำ" โดยไม่มีเศษชิ้นส่วนใดลอยขึ้นเหนือน้ำ เป็นไปได้หรือไม่?
ในทัศนะของนายจิม ทิลมอน นักวิเคราะห์การบินประจำสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ระบุว่า แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่เครื่องบินจะจมหายไปทั้งลำ โดยปกติจะต้องมีเศษชิ้นส่วนลอยขึ้นมา
"ทิลมอน"ยกตัวอย่างกรณีเครื่องบินอลาสกาแอร์ไลน์เที่ยวบิน261 ประสบอุบัติเหตุร่วงดิ่งมหาสมุทรแปซิฟิก ในปีพ.ศ.2543 เนื่องจากอุปกรณ์ในตัวเครื่องบกพร่อง
เครื่องบินตกสู่ทะเลในลักษณะหัวปักลงสู่ทะเล ส่วนหางชี้ฟ้าลำตัวเครื่องบินกระแทกกับผิวน้ำอย่างแรง ทำให้ผู้โดยสารเสียชีวิตทั้งหมด เศษซากส่วนใหญ่จมสู่ทะเล แต่มีบางส่วนที่ลอย กระจายเป็นวงกว้าง
แต่หากเป็นกรณีเครื่องบินระเบิดกลางอากาศ นางแมรี คิเอโว อดีตผู้ตรวจสอบประจำกระทรวงคมนาคมสหรัฐ ให้ความเห็นว่า เศษชิ้นส่วนจะกระเด็นเป็นวงกว้างมาก อาจไกลจากจุดระเบิดไปหลายสิบกิโลเมตร และเมื่อตกลงสู่ทะเล จะลอยให้เห็นที่ผิวน้ำ
"คิเอโว"ยกเหตุการณ์ระเบิดของเครื่องบินแพนแอม เที่ยวบิน 103 บริเวณเมืองลอคเคอร์บี ประเทศสก็อตแลนด์ ในปี พ.ศ.2531
เที่ยวบินที่ 103ระเบิดกลางอากาศโดยฝีมือผู้ก่อการร้าย
อีกกรณีเป็นเครื่องบินของสายการบินทีดับเบิลยูเอเที่ยวบิน800 ระเบิดกลางอากาศ ในปีพ.ศ.2539 ใกล้ชายฝั่งลอง ไอส์แลนด์ รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ
เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นฝีมือผู้ก่อการร้ายเช่นกัน
เศษชิ้นส่วนเครื่องบินเที่ยวบิน800 และของใช้ของผู้โดยสารลอยน้ำ กระจายตัวอยู่เป็นจำนวนมาก
ส่วนกรณีสลัดอากาศจี้สายการบินเอธิโอเปียนแอร์ไลน์ เที่ยวบิน 961 ปรากฎว่าขณะนักบินต่อสู้กับสลัดอากาศ น้ำมันหมด
นักบินพยายามประคองเครื่องร่อนลงทะเล ปีกเครื่องบินด้านซ้าย กระแทกกับพื้นน้ำอย่างแรง ลำตัวเแตกหัก แม้บางชิ้นส่วนเครื่องบินจมน้ำ แต่ชิ้นส่วนที่ลอยน้ำมีมากกว่า
จากการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญ กรณีเครื่องบินของยูเอสแอร์เวย์ เที่ยวบิน 1549 เกิดเหตุเครื่องยนต์ดับ จึงต้องนำเครื่องบินลงจอดในแม่น้ำฮัดสัน กลางนครนิวยอร์ค สหรัฐฯ น่าจะสามารถเทียบเคียงได้กับการเครื่องบินมาเลเซียเอ็มเอ็ช370
เนื่องจากเที่ยวบิน 1549และ 370 ไม่ได้มีสาเหตุการคุกคามจากบุคคลภายนอก หรือไม่ใช่การจี้เครื่องบินหรือก่อการร้าย แต่อย่างใด
ทั้งนี้ในการวิเคราะห์ข้อมูลจากดาวเทียมล่าสุด เชื่อว่า เที่ยวบิน 370น้ำมันหมด กลางมหาสมุทรอินเดียตอนใต้
กัปตันเที่ยวบิน 370พยายามบังคับเครื่องลงจอดกลางทะเล
นายทิลมอนชี้ว่าการนำเครื่องลงจอดในแม่น้ำง่ายกว่ามาก ส่วนในมหาสมุทรนั้น มีคลื่นลม
"การร่วงหล่นจากเวหาบนความสูงประมาณ 5000 ฟุต (1,524 เมตร) ลงกลางมหาสมุทรอินเดียซึ่งมีคลื่นลมรุนแรงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เครื่องบินคงไม่สามารถลงสู่ผิวน้ำได้อย่างราบรื่นเหมือนเครื่องบินยูเอสแอร์เวย์แน่นอน"ทิลมอนคาดการณ์
การคาดคะเนของผู้เชี่ยวชาญการบินทั้งหมด ไม่ใช่เป็นคำตอบที่กระจ่าง ณ เวลานี้
เพราะเที่ยวบินที่ 370 ที่ทะยานขึ้นจากสนามบินกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ไปยังกรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน มีผู้โดยสารพร้อมลูกเรือรวม 239 ชีวิตตั้งแต่วันที่ 8มีนาคม ยังคงหายสาบสูญเป็นปริศนาลี้ลับเช่นเดิม
----------------------------
วนิตา พริ้งรักษา-เรียบเรียง
ที่มา:ซีเอ็นเอ็น