'โฆษกทร.' เผยพร้อมส่งเรือหลวงปัตตานีช่วยค้นหา 'บินมาเลย์' 'มาเลย์'แถลงยังไม่พบ ขณะที่ 'บีบีซี'เผยพบหลักฐาน2ผู้โดยสารลึกลับ
หรือบริเวณน่านน้ำเวียดนาม หรือบริเวณช่องแคบมะละกาในพื้นที่ทะเลอันดามันนั้น ทางกองทัพเรือสิงคโปร์และกองทัพเรือเวียดนามได้เข้าค้นหาแล้วในขณะนี้ ซึ่งยังไม่พบแต่อย่างใด ส่วนในพื้นที่ช่องแคบมะละกา และฝั่งอันดามัน ทางการมาเลเซียได้ขอความช่วยเหลือมายังรัฐบาลไทยในการเข้าค้นหาเครื่องบิน รวมถึงผู้โดยสารและครอบครัวทั้งหมด โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะรมว.กลาโหม ได้สั่งการให้กองบัญชาการกองทัพไทยและกองทัพเรือจัดทีมค้นหา โดย พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. ได้สั่งการผ่านศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือให้เตรียมเรือหลวงปัตตานี ที่ปฏิบัติการอยู่ที่ จ.พังงา และเฮลิคอปเตอร์ซุปเปอร์ลิงค์ ที่เป็นเฮลิคอปเตอร์ในการค้นหา 1 ลำ ออกเดินทางในเวลา 19.30 น. วันนี้ (9 มี.ค.) คาดว่าจะถึงพื้นที่ที่ได้รับแจ้งในเวลา 02.00 น. วันที่ 10 มี.ค. โดยทันทีที่ถึงจะเริ่มปฏิบัติการทันที
"เราไม่พบซากเครื่องบินในเวียดนามตามที่มีข่าวลือกันออกมา และนานาประเทศได้ร่วมส่งเรือรวม 40 ลำ และเครื่องบิน 34 ลำ ออกช่วยค้นหาเครื่องบินโบอิ้งของมาเลเซียแอร์ไลน์ รวมทั้งเรือของราชนาวีไทย ที่จะเดินทางถึงพื้นที่ค้นหาในวันจันทร์ โดยก่อนหน้านี้ไทยได้ส่งเครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเลแบบดอร์เนียลงพื้นที่ค้นหาแล้ว" นายอัสซารุดดิน กล่าว
นายฮิชามุดดิน ฮุสเซน รัฐมนตรีคมนาคมมาเลเซีย แถลงว่า กำลังสอบสวนรายชื่อผู้โดยสารใหม่ทั้งหมด ไม่เฉพาะผู้โดยสารต้องสงสัย 4 คน ที่ขึ้นเครื่องโดยใช้หนังสือเดินทางยุโรปที่ถูกขโมย แต่ตัดความเป็นไปได้ที่ว่าเครื่องบินอาจถูกจี้
และไม่ได้ขึ้นเที่ยวบินนั้น และมีรายงานต่อมาว่า นายคริสเตียน โคเซล ชาวออสเตรียวัย 30 ปี แจ้งว่า พาสปอร์ตหายไปตอนมาเที่ยวประเทศไทยเมื่อ 2 ปีก่อน ส่วนนายลุยจิ มารัลดิ ชาวอิตาลี วัย 37 ปี โทรศัพท์แจ้งครอบครัวขณะอยู่ระหว่างท่องเที่ยวในประเทศไทยเมื่อวันเสาร์ว่า ยังมีชีวิตอยู่และสบายดี พาสปอร์ตของเขาถูกขโมยที่ประเทศไทยเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว และเขาทำพาสปอร์ตเล่มใหม่แล้ว
สำนักข่าวบีบีซีแห่งอังกฤษรายงานว่า ผู้โดยสารชาย 2 คน ที่ขึ้นเครื่องบินสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบิน เอ็มเอช 370 จากกรุงกัวลาลัมเปอร์
โดยใช้ชื่อและพาสปอร์ตที่ถูกขโมยมาจากชายชาวอิตาเลียน และชายชาวออสเตรีย ได้ซื้อตั๋วพร้อมกันด้วยเงินบาทไทย จากสายการบินไชน่า เซาท์เทิร์น ซึ่งได้แชร์เที่ยวบินร่วมกับมาเลเซียแอร์ไลน์ โดยมีเลขที่นั่งติดกัน และมีกำหนดจะขึ้นเครื่องบินลำเดียวกันจากกรุงปักกิ่ง ต่อไปยังจุดหมายปลายทางที่ยุโรป
ส่วนเจ้าของหนังสือเดินทางที่แท้จริง คือ นายคริสเตียน โคเซล ชาวออสเตรีย ที่พาสปอร์ตสูญหายไปเมื่อ 2 ปีก่อนที่ประเทศไทย ซึ่งเขาไม่ได้ขึ้นเที่ยวบินลำนี้และปลอดภัยดี และนายลุยจิ มารัลดิ ชายชาวอิตาลี ที่พาสปอร์ตถูกขโมยที่ประเทศไทยเช่นเดียวกัน เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว และขณะนี้ยังอยู่ที่ จ.ภูเก็ต
ในตอนแรก นายฮิซฮามุดดิน ฮุซเซน รักษาการรัฐมนตรีคมนาคมมาเลเซีย บอกว่า ผู้โดยสารที่อยู่ในข่ายต้องสงสัยมีอย่างน้อย 4 คน แต่ภายหลังได้ลดจำนวนลงเหลือ 2 คน