ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมมอบกุญแจให้ตำรวจ เพื่อปล่อยแฟนสาวให้ได้รับอิสรภาพ
พร้อมเซ็นเอกสารรับรองว่า จะไม่ก่อพฤติกรรมเช่นนี้กับแฟนสาวของเขาอีก แต่เนื่องจากหญิงสาวไม่ยอมแจ้งความใดๆ แต่ยอมให้ข้อมูลกับตำรวจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความจริง ทำให้ต้องปล่อยตัวฝ่ายชายไปหลังถูกจับไม่กี่ชั่วโมง ขณะที่กลุ่มพิทักษ์สิทธิสตรีในเม็กซิโก ออกมาโรงโจมตีตำรวจที่ปล่อยชายรายนี้อย่างง่ายดาย โดยไม่ดำเนินคดีใดๆ ต่อผู้ก่ออาชญากรรมละเมิดสิทธิสตรี โดยเชื่อว่าเหตุการณ์นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ล่วงละเมิดสิทธิสตรีในเม็กซิโกนับพันคดีที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาด้วย
ด้านพญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า
พฤติกรรมดังกล่าวถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ผิดปกติ ในทางการแพทย์เรียกว่า “ความหึงหวงที่ไม่ปกติ” คือ ความหึงหวงในคู่รักเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ส่วนใหญ่จะมีเหตุผล มีความไว้วางใจซึ่งกันและกันตามสมควร แต่ถ้ามากจนถึงขั้นหวาดระแวง เฝ้าติดตาม ไม่ยอมให้ไปไหน รวมถึงกรณีที่เป็นข่าว มันเกินเกณฑ์ที่จะยอมรับได้ว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะมันปะปนกับความคิดกึ่งจินตนาการ เพราะเชื่อในความคิดตัวเองว่า แฟนต้องไปทำอะไรกับคนอื่นอย่างแน่นอนในช่วงเวลาที่ไมอยู่ในสายตา
เมื่อถามว่า คนกลุ่มนี้อันตรายหรือไม่ พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า
โดยทั่วไปไม่อันตราย แต่สร้างความรำคาญ เพราะหึงหวงมากและคอบควบคุมด้วยวิธีการต่าง ๆ โดยส่วนใหญ่ไม่ได้ทำอันตรายอะไร แต่อีกฝ่ายจะอึดอัดเหมือนใช้ชีวิตปกติไม่ได้ อย่างผู้หญิงคนนี้เข้าห้องน้ำก็ยุ่งยากกว่าคนอื่น แต่ก็มีคำถามว่าทำไมอีกฝ่ายยอมตั้งนาน บางทีอีกฝ่ายก็อยากรักษาความสัมพันธ์มากจนยอมให้แฟนทำในสิ่งที่ไม่มีเหตุผล
พญ.พรรณพิมล กล่าวด้วยว่า กรณีนี้เป็นความผิดปกติที่ต้องบำบัดทั้งคู่
ทั้งฝ่ายที่กระทำและฝ่ายที่ถูกกระทำ เพราะบางทีฝ่ายที่ถูกกระทำ อยู่ในเงื่อนไขที่ยอมรับสิ่งนี้จนรู้สึกว่า มันไม่ยอมออกจากเงื่อนไขที่ถูกอีกฝ่ายควบคุม ดังนั้นก็ต้องช่วยคนถูกกระทำว่า ลักษณะแบบนี้ไม่ใช่เหตุผลที่ต้องยอมรับ หรือเป็นเงื่อนไขในการใช้ชีวิตคู่ปกติ เวลารักษาก็ต้องรักษาทั้งคู
ต่อข้อถามว่าประเทศไทยเคยพบลักษณะหึงหวงที่ไม่ปกติหรือไม่
พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า ส่วนตัวเคยเจอกรณีไม่ยอมให้แฟนออกไปไหนตามลำพัง ไปไหนต้องไปด้วย ต้องอยู่ในสายตาตลอดเวลา ไม่ยอมให้พูดคุยกับผู้ชาย ยกเว้นไปทำงาน ท้ายที่สุดสัมพันธภาพก็ไม่ยั่งยืน ตัวผู้หญิงหรือคนรอบข้างจะต่อสู้ เพราะเขารู้สึกว่าไม่ปกติ ไม่ควรทำอย่างนี้ต่อกัน.