หนุ่มสติแตก คลั่งบุกทุบ ท้าวมหาพรหม
หนุ่มนิรนามควงค้อนบุกเดี่ยว ปีนรั้วเข้าไปทุบ ท้าวมหาพรหม
สี่แยกราชประสงค์จนพังพินาศทั้งองค์ แม่ค้าเครื่องบูชาเห็นร้องให้คนช่วยกันจับ แต่ชายดังกล่าววิ่งหนีไปได้เพียง 10 เมตรก็ถูกรุมประชาทัณฑ์จมกองเลือดเสียชีวิตอยู่ตรงเชิงทางขึ้นโรงแรมเอราวัณนั่นเอง ไม่มีหลักฐานว่าเป็นใครมาจากไหน ในตัวมีเงินอยู่เพียง 8 บาท สำหรับองค์ท้าวมหาพรหม ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2499 จากนั้นก็เป็นที่เคารพสักการะของทั้งคนไทยและโด่งดังไปถึงต่างประเทศ ในแต่ละวันจึงมีผู้มากราบไหว้จำนวนมาก จนได้รับเงินบริจาคมหาศาลในแต่ละปี
เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 21 มี.ค. พ.ต.ต.ธนิต รตโนภาส สว.เวร สน.ลุมพินี รับแจ้งมีคนถูกทำร้ายเสียชีวิต ที่หน้าโรงแรมเอราวัณ แบงคอก ถนนเพลินจิต ใกล้แยกราชประสงค์ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผกก. แพทย์จาก รพ.จุฬาฯ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ไปที่เกิดเหตุพบศพชายไทยไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 25-30 ปี สูงประมาณ 170 ซม.สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว กางเกงผ้าสีครีมมีกระเป๋าด้านข้าง 2 ใบ สวมรองเท้าผ้าใบสีดำ ผมเกรียนคล้ายเพิ่งสึกจากพระ ในตัวมียาเส้น 2 ห่อ บุหรี่วันเดอร์เขียว 1 ซอง นาฬิกาข้อมือ 1 เรือน ไฟแช็ก 3 อัน เงินเหรียญ 8 บาท กระเป๋าสตางค์ 1 ใบในกระเป๋าไม่มีอะไรเลย และพบค้อนช่างไม้ 1 ด้ามตกอยู่ข้างตัว สภาพศพมีบาดแผลถูกของแข็งตามลำตัว และที่ใบหน้าพกช้ำดำเขียวทั่วตัว เลือดกลบใบหน้าเสียชีวิตอยู่บนทางเท้าตรงทางขึ้นโรงแรมเอราวัณ ด้านถนนเพลินจิต ห่างจากศาลท้าวมหาพรหมประมาณ 10 เมตร
แม่ค้าขายเครื่องบูชาที่หน้าศาล เปิดเผยว่า ขายเครื่องบูชาที่นี่มากว่า 30 ปีไม่เคยมีเหตุการณ์อะไร
จากการสอบสวนนางวันดี พิชัย อายุ 42 ปีแม่ค้าขายเครื่องบูชาที่หน้าศาล เปิดเผยว่า ขายเครื่องบูชาที่นี่มากว่า 30 ปีไม่เคยมีเหตุการณ์อะไร โดยศาลจะเปิดในเวลา 06.00 น. ปิดประตูรั้วเวลา 23.00 น. ก่อนเกิดเหตุหลังเที่ยงคืน เห็นชายคนดังกล่าววิ่งข้ามถนนจากฝั่ง รพ.ตำรวจมาถึงก็ปีนรั้วเหล็กสูงประมาณ 1.50 เมตรเข้าไปภายในศาล และตรงเข้าไปที่องค์ท้าวมหาพรหม ทันใดนั้นก็เปิดเสื้อและหยิบค้อนออกมาจากเอว ระดมทุบองค์ท้าวมหาพรหมอย่างรุนแรง ปากก็ร้องโหวกเหวก เพียงพักเดียว องค์ท้าวมหาพรหมก็พังทลายหมดทั้งองค์หายวับไปกับตา เหลือเพียงแค่หัวเข่า ตนจึงร้องให้คนช่วยจับ ชายดังกล่าวได้วิ่งหนีไปทางห้างโซโก้ จึงถูก รปภ.และชาวบ้าน รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่เห็นเหตุการณ์วิ่งตามไปช่วยจับตัว และเกิดการต่อสู้ชุลมุนในลักษณะประชาทัณฑ์ พักใหญ่ชายดังกล่าวก็หมดสติจมกองเลือด ส่วนภายในศาลพบบัตรเอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพ ตกอยู่ภายในศาลแต่ยังไม่เปิดเผย
นายกรัฐมนตรีถึงกับอุทานว่า โอ้โห้ ใครไปทุบ ไม่น่ามีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นเลย คงเป็นคนป่วย
ต่อมาเมื่อเวลา 07.15 น. วันนี้(21มี.ค.) ที่รร.ดุสิตไอร์แลนด์รีสอร์ท จ.เชียงราย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีคนบุกทำลายพระพรหมเอราวัณ บริเวณสี่แยกราชประสงค์ โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถึงเรื่องดังกล่าวนายกรัฐมนตรีถึงกับอุทานว่า โอ้โห้ ใครไปทุบ ไม่น่ามีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นเลย คงเป็นคนป่วย เมื่อถามว่ารัฐบาลจะดูสถานที่สิ่งศักดิ์ต่าง ๆ อย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องของคนที่มีปัญหาสุขภาพจิตที่คงเหมือนคนเข้าไปทำบุญทั่วไปแต่คนก็ไม่ทราบสาเหตุ ความจริงสถานที่เหล่านั้นมีระบบรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่าจะให้กระทรวงวัฒนธรรมเข้าไปดูแลหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงต้องเข้าไปบูรณะ
สำหรับประวัติท้าวมหาพรหมนั้น โดยเมื่อปลายปี 2498 โดย
บริษัท สหโรงแรมไทยและการท่องเที่ยว จำกัด ผู้ก่อสร้างโรงแรมเอราวัณ โดยพลเรือตรี หลวงสุวิชานแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญทางโหราศาสตร์ได้ท้วงติงว่า ฤกษ์ในการวางศิลาฤกษ์ที่ทำไว้ไม่ถูกต้อง จะต้องแก้ไขเสียใหม่โดยการสร้างท้าวมหาพรหมและศาลพระภูมิ ในบริเวณโรงแรม จึงได้มีการดำเนินการก่อสร้างองค์ท้าวมหาพรหมขึ้น ซึ่งปั้นด้วยปูนพาสเตอร์และปิดทอง ออกแบบและปั้นโดย นายจิตร พิมพ์โกวิท ช่างจากกองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร แล้วอัญเชิญมาประดิษฐานเมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2499 ด้วยเหตุนี้ในวันที่และเดือนดังกล่าวของทุกปี จะมีพิธีบวงสรวงท้าวมหาพรหมเป็นประจำ หลังจากนั้นก็เป็นที่เคารพนับถือกราบไหว้บูชาของคนไทยและโด่งดังไปถึงต่างประเทศ ทำให้แต่ละวันนอกจากจะมีคนไทยมากราบไหว้บูชาแล้ว ยังมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากหลั่งไหลมากรายไหว้อย่างต่อเนื่อง ทำให้มีรายได้มหาศาลในแต่ละปี จนมีการตั้งเป็นมูลนิธิท้าวมหาพรหมขึ้น เพื่อนำเงินรายได้ไปบริจาคแก่สาธารณกุศุลต่างๆ เป็นจำนวนมาก โดยเหตุที่เกิดขึ้นได้ทำร้ายจิตใจของประชาชนในย่านนั้น ถึงขนาดบางรายได้แสดงการโกรธแค้นด้วยการบ้วนน้ำลายใส่ร่างของชายคนดังกล่าวด้วย