เมื่อสายตาทุกคู่หันไปดูก็พบว่ามี งูเขียวตัวเขื่องกำลังกอดรัดกันกับตุ๊กแกตัวใหญ่ม้วนเป็นลักษณะทรงกลม เอาส่วนหัวสอดเข้าไปในปากตุ๊กแก ที่ส่งเสียงร้องแบบคับปากอั๊กๆแบบต่อเนื่องเป็นภาพที่หาดูยากมาก โดยงูเขียวรัดแน่นอยู่นานเกินกว่า 30 นาที ก่อนที่งูเขียวจะสำเร็จกิจและค่อยๆดึงหัวออกจากปากตุ๊กแก เมื่อเห็นมนุษย์ยืนมุงอยู่งูเขียวก็ตกใจ รีบผละออกและเลื้อยหลบหนีไป ส่วนตุ๊กแกไต่ข้างผนังขึ้นไปอยู่ซอกมุมเพดานทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากสัตว์ทั้งสองผละจากกันไปแล้ว ชาวบ้านพากันตั้งวงวิพากษ์วิจารณ์เสียงดังลั่น นายวิฑูรย์ มหาเทพ อายุ 63 ปีอดีตผู้ใหญ่บ้านและเป็นมัคนายกของวัดซึ่งสังเกตเห็นสัตว์คู่นี้มาแต่ต้นเปิดเผยว่า ครั้งแรกก่อนที่จะเริ่มพิธีงานบุญได้เห็นตุ๊กแกเกาะอยู่หลังพระประธานองค์ใหญ่ ส่วนงูเขียวเลื้อยมาจากต้นโพธิ์ทางด้านหลังพระประธาน จากนั้นจึงขึ้นไปนำตัวตุ๊กแกจนหล่นลงมาข้างฐานพระประธาน และปฎิบัติการกินตับจนเป็นที่ฮือฮาในกลุ่มชาวบ้าน ส่วนใครจะนำไปตีเลขเด็ดก็แล้วแต่ละคนที่จะนำไปตี ส่วนตัวเองตีออกมาแล้ว 641 สำหรับงวดหน้า
นายอดิศักดิ์ คุ้มเมือง หัวหน้าหน่วยกู้ภัยเอื้ออาทร อปพร.เชียงดาว ได้นำทีมงานเข้ามาเพื่อให้ความปลอดภัยแก่ชาวบ้านหากจะมีการจับงู ก็บอกว่าเป็นภาพที่หาดูยากมา ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ยอมรับหากเห็นสัตว์ไม่ว่าจะเป็นงูและเป็นตุ๊กแก ชาวบ้านเชียงใหม่ เฮกันลั่นทุกครั้ง เพราะตีเลขเก่งกัน แต่เหตุที่ไม่เข้าไปแยกและจับงูก็เพราะเห็นว่าไม่ก่อให้เกิดอันตราย เพราะเป็นเรื่องของธรรมชาติของสัตว์ทั้งสองชนิดนี้ แต่มันน่าแปลกที่มาเกิดตนงานทำบุญใหญ่ ก็เหมือนมาบอกอะไรให้ก็ขออย่าเป็นลางร้าย ให้ดูเป็นโชคดีลางดีไว้ก่อน
ส่วนพระสมุหทิวทัยอานามโย เจ้าอาวาสวัดดอกม่วงคำ ได้กล่าวว่า "ผู้ล่วงลับที่เราได้มาร่วมทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ มาบอกโชคลาภ ส่วนจะไปทำอะไรก็แล้วแต่ศรัทธาสาธุชนจะพึงปรารถนากันไปเอง งูเขียวกินตุ๊กแก เป็นเรื่องธรรมชาติ บังเอิญ คู่นี้มาผิดที่บริเวณพระประธาน ก็เหมือนกับตุ๊กแก ห้อยหัวพนมมือที่เคยมีข่าวนั่นแหละ ที่เป็นที่ฮือฮากันมาแล้ว"