ทั้งนี้ พระวิจิตรธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส กล่าวว่า ขอยืนยันว่ารูปพระราหูถือปืนสไนเปอร์ ไม่ได้ต้องการให้สื่อความหมายทางการเมือง
แต่ต้องการที่จะบันทึกเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในเมืองไทยและเหตุการณ์สำคัญของโลก และเนื่องจากภาพพระราหูถือปืนสไนเปอร์เล็งไปที่โลก เป็นส่วนหนึ่งภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่ตั้งชื่อว่า 1 แสนโกฏิจักรวาล มีรายละเอียดของภาพมากมาย มีการบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ อีกทั้งยังมีเรื่องของดาราศาสตร์ โหราศาสตร์ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้น จึงเตรียมที่จะทำแผ่นพับอธิบายรายละเอียดของภาพวาด 1 แสนโกฏิจักรวาล แจกให้ประชาชนที่สนใจมาชมภาพดังกล่าวด้วย เพื่อให้เกิดความเข้าใจความหมายที่แท้จริงดังกล่าว
ด้านนายพีระพงศ์ ขุนจิตต์ จิตรกรผู้วาดภาพ กล่าวว่า
ภาพดังกล่าวขณะนี้อยู่ในระหว่างเขียนและลงสีเก็บรายละเอียดอีกเพียงเล็กน้อย อีกประมาณ 2 วัน ถึงจะเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งหลังจากที่เป็นข่าวออกไป ปรากฏว่ามีคนสนใจเข้ามาชมเป็นจำนวนมาก ถึงขนาดมาเกาะกระจกรอบศาลาสมเด็จพระพุฒาจารย์ดูกันเลยทีเดียว และรูปพระราหูถือปืนสไนเปอร์เล็งไปที่โลก ยังได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยว โดยมีชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งถ่ายรูปภาพพระราหูถือปืนสไนเปอร์ไปเผยแพร่ผ่านทางเฟซบุ๊ก และมีคนเข้ามากดไลก์แสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมากด้วย ทั้งนี้ยืนยันว่าการที่ตนวาดภาพในลักษณะดังกล่าวไม่ได้มีความหมายทางการเมือง
แต่ต้องการที่จะบันทึกภาพเหตุการณ์ที่สำคัญที่เกิดขึ้นกับการเมืองไทยเมื่อเดือนพ.ค.2553
แต่หากจะวาดเป็นทหารถือปืนไปยิงคนหรือมีเลือดนองก็จะไม่เข้ากับภาพ รวมทั้งไม่เหมาะสม ด้วยภาพวาดนี้มีการวาดภาพเทพเทวดาตามหลักโหราศาสตร์เป็นหลัก หากมองจากจุดที่เป็นปืนสไนเปอร์แล้วจะพบว่าเป็นเส้นนำสายตาไปยังเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ซึ่งถือเป็นหลักการของศิลปะ ที่จะต้องมีเส้นนำสายตาดึงความสนใจของคน และที่สำคัญภาพนี้จะมีอายุนานเป็นร้อยปี เพราะมีการวาดลงบนผ้าลินิน และใช้สีที่มีคุณภาพซึ่งจะมีความคงทนอยู่ได้นานเป็นร้อยปี
"ภาพจิตรกรรม 1 แสนโกฏิจักรวาล ที่มีรูปพระราหูถือปืนสไนเปอร์เล็งไปที่โลก จะเป็นการบันทึกเหตุการณ์ครั้งสำคัญเกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากคำสั่งใช้ความรุนแรงปราบปรามสลายการชุมนุม เดือนเม.ย.-พ.ค.2553 ที่มีการใช้ปืนสไนเปอร์ซุ่มยิงคนจากบนที่สูง เป็นความรุนแรงที่เราต้องการให้เป็นบทเรียนทางประวัติศาสตร์ของเมืองไทย ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นอีก ด้วยภาพนี้มีอายุยืนยาวนาน ในอีกหนึ่งร้อยปีข้างหน้า คนในยุคนั้นที่เข้ามาชมภาพจิตรกรรมฝาผนังศาลาสมเด็จวัดสระเกศ จะได้เห็นและเข้าใจว่าในช่วงปี 2553-2555 สังคมไทยเกิดเหตุการณ์สำคัญอะไร เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวครั้งสำคัญ" นายพีระพงศ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านอกจากภาพวาดราหูส่องสไนเปอร์ไปยังโลกแล้ว ยังมีภาพวาดเทวดามือขวาถือหนังสติ๊ก มือซ้ายถือบั้งไฟ ที่เอวเหน็บดาบ ประทับยืนมาบนพญานาค หนีลูกดวงไฟขนาดใหญ่ด้วย