ตะลึง! หญิงชราชาวชัยนาท เก็บศพพ่อใส่โลงตั้งไว้ในบ้าน นาน 25 ปี เพื่อนบ้านต่างหวาดผวาไม่กล้าเยื้องกรายเข้าใกล้ บางรายใจแข็งเดินผ่านมา เห็นผู้เฒ่าแต่งชุดโจงกระเบน เดินอยู่ในบ้าน แถมไฟหน้าบ้านยังเปิด-ปิดเอง เจ้าตัวเผยเป็นคำสั่งเสียพ่อก่อนสิ้นใจเมื่อปี 2530 ด้วยวัย 86 ปี ไม่ให้นำศพไปไว้วัด เลยนำมาไว้บ้าน ทุกวันจะนอนข้างโลง จัดสำรับอาหารมาตั้งไว้ข้างๆ จนปัจจุบันตนเองกับสามีแก่มากแล้ว ทั้งยังป่วยเป็นเบาหวาน ขาพิการ จึงตัดสินใจเตรียมเผาศพพ่อ 29 ม.ค.นี้
เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากนายสมชาย จั่นนิล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.บางหลวง อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ว่าภายในบ้านเลขที่ 77 ม.2 ต.บางหลวง มีผู้เก็บศพไว้ในบ้านเป็นเวลานานถึง 25 ปี จึงเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง พบน.ส.ชาญ พรหมทอง อายุ 74 ปี เจ้าของบ้าน พร้อมโลงบรรจุศพนายหวล พรหมทอง บิดาของน.ส. ชาญ ซึ่งเสียชีวิตมาตั้งแต่ปี 2530 ถูกเก็บตั้งไว้ในบ้าน
น.ส.ชาญกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนเองพักอาศัยอยู่บ้านหลังนี้กับบิดาเพียง 2 คน เมื่อครั้งยังมีชีวิต บิดามักชอบไปที่วัดสวนลำไย เพื่อทำหน้าที่ไวยาวัจกร จนได้รางวัลไวยา วัจกรดีเด่น เพราะคอยช่วยบอกบุญชาว บ้าน ร่วมบริจาคจนก่อสร้างโบสถ์แล้วเสร็จภายใน 1 ปี บิดาทำหน้าที่ไวยาวัจกรจนวาระสุดท้าย ก่อนเสียชีวิตด้วยโรคชราเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2530 ด้วยอายุ 86 ปี โดยก่อนเสียชีวิตบิดาพูดคุยกับตนและตกลงกันว่า หากเสียชีวิตจะไม่นำศพไปไว้ที่วัด แต่จะเก็บไว้ที่บ้าน เพื่อจะได้อยู่ด้วยกัน ตนจึงเก็บศพบิดาบรรจุโลงไว้ในบ้านจนถึงปัจจุบัน
"หากพูดถึงความรู้สึกของชาวบ้านข้างเคียงที่รู้ว่าเก็บศพพ่อไว้ในบ้าน ส่วนใหญ่จะกลัวและไม่มีใครกล้าเข้ามาในบ้าน โดยบางครั้งมีชาวบ้านบอกว่า เห็นพ่อแต่งกายด้วยชุดโจงกระเบนสีเปลือกมังคุด ใส่เสื้อสีขาว ร่างกายอ้วนท้วนเดินอยู่บริเวณบ้าน บางคนเห็นไฟหน้าบ้านเปิดและปิดเองช่วงที่ดิฉันไม่อยู่" น.ส.ชาญกล่าว
น.ส.ชาญกล่าวอีกว่า ทุกวันนี้อาศัยอยู่ที่บ้านตามลำพัง โดยจะนอนข้างโลงศพบิดามาตลอด และได้ปฏิบัติดูแลด้วยการนำข้าวปลาอาหารมาวางไว้ข้างโลงศพทุกสิ้นเดือน ต่อมามีนายประเทือง อ่ำจุ้ย อายุ 70 ปี เข้ามาจีบเป็นแฟน ตนก็สอบถามก่อนว่าจะอยู่ด้วยกันหรือ กลัวหรือไม่ นายประเทืองบอกว่าอยู่ได้ จึงตกลงอยู่ด้วยกันจนถึงปัจจุบันนานกว่า 13 ปี แต่ขณะนี้ตนและนายประเทือง ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เพราะป่วยเป็นโรคเบาหวานและขาพิการ จึงปรึกษากับพระพี่ชายที่บวชอยู่ และกำหนดวันเผาศพ บิดา ที่วัดสวนลำไยวันที่ 29 ม.ค.นี้ เนื่อง จากหากป่วยหนักแล้วอาจไม่สามารถดูแลศพ บิดาได้ ซึ่งก็ไม่ได้เสียใจ แต่มีความรู้สึกรำลึกนึกถึงบิดาอยู่ตลอดเวลา
ด้านนายสมชายกล่าวว่า ตอนที่นายหวล มีชีวิตอยู่เป็นคนธรรมะธัมโม แต่ของในบ้านใครจะไปยุ่งไม่ได้ โดยเฉพาะตอนที่นายหวลเสียชีวิตใหม่ๆ วิญญาณเฮี้ยนมากจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้บ้าน เพราะชอบปรากฏตัวให้เห็น สมัยก่อนหลังบ้านนายหวลมีสวนมะนาวอยู่ แต่พอตายไป ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงจะเข้าไปเก็บมะนาวก็ได้ยินเสียเคาะกาละมังในครัว ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่าหวงของ นอกจากนี้ลูกหลานที่เคยเข้าไปเก็บมะนาวก็โดนเช่นเดียวกัน แต่พอหลังจากหลายปีต่อมาก็ไม่มีใครพบเห็นอีกแล้วเริ่มเป็นความเคยชินของชาวบ้านแถวนั้นไป
นางละมาย จันทร์ทิม อายุ 63 ปี เพื่อนบ้าน กล่าวว่า เคยนำฝูงวัวกว่า 30 ตัว เข้า ไปเลี้ยงในที่ของนายหวล ขณะที่น.ส.ชาญไม่อยู่ นายหวลก็ปรากฏตัวให้เห็นและนั่งอยู่ตรงหัวบันไดบ้าน ทำให้รู้สึกตกใจและรีบต้อนวัวกลับบ้าน โดยไม่กล้านำวัวไปเลี้ยงแถวนั้นอีก รวมไปถึงชาวบ้านละแวกใกล้เคียงก็ไม่ค่อยมีใครไปมาหาสู่กับน.ส.ชาญ