สุสานโครงกระดูกมนุษย์โบราณถูกทิ้งร้าง 10 ปีไม่เหลียวแล
"ถูกปล่อยทิ้งร้าง"
สุสานโครงกระดูกมนุษย์โบราณ แหล่งประวัติศาสตร์สำคัญของ จ.สระแก้ว ถูกปล่อยทิ้งร้างกว่า 10 ปี หลังคาคลุมบ่อผุพัง ดินร่วงทับโครงกระดูกจนมองไม่เห็น ป่าหญ้าขึ้นรก ชาวบ้านสุดเสียดาย
จะเข้าพัฒนาแต่ติดขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งโบราณคดี วอนกรมศิลปากรเข้าฟื้นฟูเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัด
สุสานโครงกระดูกบ้านโคกมะกอก ตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านโคกมะกอก หมู่ 9 ต.เขาสามสิบ อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว ที่มีการขุดค้นพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณ กระดูกสัตว์ ภาชนะดินเผา ลูกปัดหินคาเนเลี่ยน ลูกปัดแก้ว และของใช้เครื่องประดับโบราณอีกจำนวนมาก ทำให้มีประชาชนเข้ามาขุดหาลูกปัดหินสี จนจังหวัดต้องเข้ามาตรวจสอบ และสำนักโบราณคดีที่ 4 จ.ปราจีนบุรี กรมศิลปากร ได้ขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งโบราณคดีไว้ตั้งแต่ปี 2539 โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นแหล่งโบราณคดียุคก่อนประวัติศาสตร์กว่า 3,000 ปี และเตรียมพัฒนาพื้นที่เป็นพิพิธภัณฑ์ เพื่อใช้ศึกษาทางโบราณคดีและพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวต่อไป
"อยู่ในสภาพทรุดโทรม ไร้ใครเหลียวแล"
กระทั่งบัดนี้ เวลาผ่านไปกว่า 10 ปีแล้ว ปรากฏว่าพื้นที่ดังกล่าวกลับไม่ได้รับการเหลียวแล บริเวณทางเข้าสุสานโครงกระดูกมีป้ายติดว่า "งานอนุรักษ์โบราณสถาน กรมศิลปากร" ส่วนด้านหลังเป็นป่ารกร้าง มีหญ้าและต้นไม้ขึ้นรกครึ้ม ส่วนตัวบ่อซึ่งขุดไว้เคยเห็นโครงกระดูกมนุษย์โบราณสมบูรณ์จำนวน 3 โครง กลับมีดินร่วงทับถมจนมองไม่เห็นโครงกระดูกอีก ห่างไปประมาณ 20 เมตร บริเวณศาลที่ชาวบ้านร่วมกันสร้างเป็นที่เก็บโครงกระดูกมนุษย์โบราณ ก็มีสภาพทรุดโทรมไม่ต่างกัน
นายวรชัย ลบพื้น กำนัน ต.เขาสามสิบ กล่าวว่า สุสานโครงกระดูกบ้านโคกมะกอกกลายเป็นป่ารกร้างไปแล้ว ซึ่งชาวบ้านโคกมะกอกรู้สึกเสียดายอย่างมาก เนื่องจากถูกละเลยไม่เหลียวแลมานานกว่า 10 ปี ชาวบ้านจะเข้าไปพัฒนาก็ทำไม่ได้ เพราะขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแล้ว มีคำสั่งห้ามเข้าไปทำอะไรทั้งสิ้น จะเข้าไปซ่อมแซมหลังคาโรงเรือนที่สร้างคลุมบ่อโครงกระดูกไว้ก็ทำไม่ได้ ชาวบ้านคาดหวังว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยว จะมีความเจริญเข้าหมู่บ้าน เพื่อชาวบ้านจะมีรายได้บ้าง จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทั้งสิ้น
"หากสุสานแห่งนี้มีการพัฒนาและขุดหาโครงกระดูกมนุษย์โบราณต่อไป คาดว่าจะพบอีกไม่น้อยกว่า 500 โครง เพราะทุกวันนี้ในพื้นที่ขุดลงไปตรงไหนความลึกเพียง 1 เมตร ก็พบโครงกระดูกแล้ว นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากที่ไม่สามารถนำสิ่งที่มีอยู่มาพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้ให้ชาวบ้านได้" นายวรชัย กล่าว