นางสาวบุษกร กองสงฆ์ ผู้ได้รับความเสียหายจากโครงการพักชำระหนี้กับธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า จากการที่ธนาคารออมสินได้ประชาสัมพันธ์ส่งจดหมายถึงลูกหนี้แจ้งมาตรการบรรเทาผลกระทบของลูกค้าและประชาชนจากเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ ทั้งนี้ น.ส.บุษกร ได้เข้าร้องเรียนต่อมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จากที่ได้กู้เงินสร้างบ้าน 600,000 บาท โดยมีระยะผ่อนชำระหนี้ 25 ปี แต่เมื่อปลายปี 2553 ที่พักของเธอประสบปัญหาอุทกภัย จึงได้เข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้กับธนาคารเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2553 โดยได้รับการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยเงินกู้เป็นเวลา 6 เดือน หรือ 6 งวด แต่เมื่อหมดเวลาพักชำระหนี้พบว่า ธนาคารกลับคิดดอกเบี้ยย้อนหลังเป็นเงินกว่า 14,000 บาท เมื่อสอบถามกับพนักงานของธนาคารออมสิน สาขาเจ้าพรหม จ.พระนครศรีอยุธยา ก็ไม่สามารถอธิบายเหตุผลให้เข้าใจเป็นที่กระจ่างได้ว่า เหตุใดจึงมีการย้อนหลังเรียกเก็บดอกเบี้ยค้างชำระทบเข้ามาอีก ทำให้ต้องรับภาระหนี้เพิ่มขึ้น จึงเข้าร้องเรียนกับมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
โดยให้พักชำระเงินต้น และดอกเบี้ยสำหรับลูกค้าสินเชื่อทุกประเภทเป็นเวลาครึ่งปี ทำให้ตนเองและผู้กู้ร่วมเข้าใจว่า ธนาคารจะระงับการคิดดอกเบี้ยในช่วงเวลาดังกล่าว จนกระทั่งครบกำหนดพักชำระหนี้ 6 เดือน ปรากฏว่าถูกธนาคารคิดดอกเบี้ยทั้งหมดโดยไม่มีเงินต้นเลย
ด้านนายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค กล่าวว่า มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้สอบถามไปยังธนาคารออมสิน และได้รับหนังสือชี้แจงจากผู้จัดการธนาคารออมสิน สาขาเจ้าพรหม จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า การผ่อนผันการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 6 เดือนนั้น เป็นการหยุดเรื่องส่งชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเท่านั้น แต่ยังคิดดอกเบี้ยสะสมขณะผ่อนผัน จึงเห็นได้ว่าการให้ข้อมูลโฆษณาประชาสัมพันธ์ของธนาคารออมสิน เป็นการให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน และทำให้ผู้บริโภคเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน สับสน และก่อให้เกิดการตัดสินใจใช้บริการที่ผิดพลาดมีความเสียหาย นับเป็นการละเมิดสิทธิผู้บริโภคและเชื่อว่าน่าจะมีผู้ประสบภัยอีกหลายรายที่หลงเชื่อเข้าร่วมโครงการดังกล่าว
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
