“น้องจ่อย” ป่วยหนัก นอนไอซียู 14 วัน แม่เชื่อตายไปแล้วฟื้นขึ้นมา “เจ้าตัว”บอกวิญญาณล่องลอยเห็นคนตาย-กระทะทองแดง ถูกส่งกลับเพราะยังไม่ถึงเวลาตาย
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 18 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรับแจ้งว่ามีเหตุการณ์ประหลาด เด็กตายไปแล้ว 14 วัน ฟื้นขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 62 ม.5 ต.มงคลธรรมนิมิต อ.สามโก้ จ.อ่างทอง ซึ่งเป็นบ้านของ ด.ช.พิฆเนศ หรือน้องจ่อย คล้ายทอง อายุ 10 ปี ที่ป่วยเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว และเข้ารับการผ่าตัดหัวใจที่โรงพยาบาลเด็ก และเสียชีวิตไปแล้วฟื้นขึ้นมา
นางสมคิด คล้ายทอง อายุ 48 ปี แม่ของน้องจ่อย เล่าว่า น้องจ่อยเกิดมามีโรคประจำตัวหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นกระบังลมรั่ว ฝาผนังหัวใจรั่ว ลิ้นหัวใจรั่วทั้ง 4 ห้อง และเม็ดเลือดขาวและเม็ดเลือดแดงปนกัน ตนนำน้องจ่อยเข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลสามโก้ จ.อ่างทอง ต่อมาโรงพยาบาลสามโก้ ได้ส่งตัวให้ไปทำการผ่าตัดหัวใจที่โรงพยาบาลเด็กที่กรุงเทพฯ
ซึ่งน้องจ่อยเข้ารับการผ่าตัดเมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา ก่อนที่หมอจะทำการผ่าตัดหมอได้บอกให้ตนเตรียมใจไว้ก่อนแล้วว่าน้องจ่อยอาจ แย่หรือเสียชีวิตก็ได้ แต่ตนก็ให้ทำการผ่าตัดเลย และหลังจากผ่าตัดกลับออกมา น้องจ่อยก็นอนรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู ตลอดเวลา 14 วัน
“น้องจ่อยใช้เครื่องช่วยหายใจมาตลอด พยาบาลที่มาตรวจพบว่าน้องจ่อยไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใด ๆ ไม่มีความดันในร่างกาย ไม่หายใจ ตัวเย็นเฉียบ หมอและพยาบาลจึงบอกว่าน้องจ่อยตายไปแล้ว ฉันก็ได้แต่บอกหมอและพยาบาลว่าไม่ให้ถอดเครื่องช่วยหายใจ เพราะลูกอาจจะฟื้นขึ้นมาได้ เนื่องจากฉันได้ไปบนไว้หลายที่ จนมาเมื่อวันที่ 9 พ.ค. หมอได้มาว่าจะถอดเครื่องช่วยหายใจแล้วเพราะว่าเด็กตายแน่ ๆ แขนขาเขียวคล้ำไปหมด นิ้วมือและนิ้วเท้าแห้งจนแข็งดำ หงิกงอ ผิวหนังแห้งเกรียม โดยเฉพาะที่นิ้วเท้าด้านขวาแห้งจนหลุดออกมา ให้ฉันและญาติไปเตรียมเรื่องงานศพได้เลย ตนก็บอกว่าขอเวลาอีกวันหนึ่ง”
มารดาน้องจ่อย เล่าต่อว่า กระทั่งวันรุ่งขึ้น ก่อนที่หมอจะถอดเครื่องช่วยหายใจออก ตนได้สังเกตเห็นว่าใต้ตาของน้องจ่อยนั้นมีเหมือนเหงื่อซึมตามผิวหนังอยู่ และเท้ากระดิกได้ ตนจึงได้วิ่งไปบอกหมอและพยาบาลให้มาดู จากนั้นหมอและพยาบาลก็มาดูต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยบอกกับตนว่านี่ถือว่าสิ่งอัศจรรย์โดยไม่เคยพบเห็นมาก่อน จากนั้นจึงไปเอาที่วัดความดันมาวัด ก็พบว่าความดันเริ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ ตัวเริ่มอุ่นขึ้น ก็รีบช่วยกันรักษาพยาบาล
“หลังจากลูกชายฟื้นขึ้นมาทุกคนต่างดีใจ โดยช่วงที่น้องจ่อยนอนพักอยู่ในห้องไอซียู ยายของน้อยจ่อยได้ไปบนหัวหมู 25 หัว แต่ช่วงที่จุดธูป ธูปไม่ยอมติด จึงเปลี่ยนเป็นบนหัวหมู 50 หัว และจุดธูปใหม่จนติด และในที่สุดน้องจ่อยก็ฟื้นจนได้” มารดาเล่าจริงจัง
ด้าน “น้องจ่อย” เล่าให้ตนฟังว่า ตอนที่นอนอยู่นั้นเหมือนวิญญาณออกจากร่างล่องลอยไปที่ไหนไม่รู้ มีแต่หมอกควัน เห็นคนหลายคนโดนแทงบ้าง เห็นกระทะทองแดง จากนั้นก็พบตาที่ตายไปแล้ว 6 ปี มาหาบอกว่า “จ่อยมายังไง” จากนั้นก็เห็นผู้ชายและผู้หญิงเดินมาบอกตาว่าให้พาเด็กคนนี้ไปส่ง เพราะยังไม่ถึงเวลา
สักพักหนึ่งในมือของน้องจ่อยก็มีแต่เงินเต็มไปหมด น้องจ่อยบอกว่ายังแบ่งให้ตาเลย แต่ตาก็ไม่เอา หยิบคืนให้ และรีบพาน้องจ่อยมาส่งที่ชั้น 2 ของโรงพยาบาล บอกว่าให้รีบไป เดี๋ยวจะไม่ทัน และเมื่อไปแล้วให้รีบเอาธูปที่มือออก จากนั้นตาก็หายไปทันที
อย่างไรก็ดี นพ.วิเชาว์ กอจรัญจิตต์ นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมทรวงอก สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี แพทย์เจ้าของไข้ ให้สัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์ว่า การผ่าตัดน้องจ่อยค่อนข้างยากมาก เพราะมีโรคแทรกซ้อนหลายอย่าง หลังการผ่าตัดพบว่าคนไข้อยู่ในขั้นวิกฤติ แนวโน้มช่วงแรกมีโอกาสเสียชีวิตค่อนข้างสูง
แต่แพทย์ช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ รักษาด้วยยาที่ดีที่สุดจนกระทั่งเด็กเริ่มมีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ ส่วนกรณีที่ญาติคนไข้เชื่อว่าเป็นการตายแล้วฟื้น คงไม่ใช่หัวใจหยุดเต้นแล้วฟื้นขึ้นมาใหม่ตามความเข้าใจของญาติคนไข้ อย่างไรก็ตาม คนไข้ยังมีอาการอีกหลายอย่างที่ต้องรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง เช่นอาการเนื้อที่ปลายมือปลายเท้าดำเพราะเนื้อตายไปแล้วเป็นต้น.