แตกตื่นหนุ่มมี4เต้า-เปิดให้ดูแต่ห้ามจับ

ฮือฮาทั้งพระนครศรี อยุธยาหนุ่มวัย 26 ปีเด็กเสิร์ฟร้านอาหารกลางเมืองกรุงเก่า
 
มีนมขึ้น 4 เต้า เจ้าตัวเผยแม่เชื่อลูกมีบุญตั้งชื่อศักดิ์สิทธิ์ให้เป็นมงคล ไม่มีปัญหากับนมทั้ง 4 เต้า จับแล้วให้ความรู้สึกเหมือนกัน และคนที่มากินอาหารต่างขอเปิดดู กลายเป็นจุดขายของร้านอาหาร แต่ห้ามจับ ห้ามเขี่ย เผยชีวิตน่าสงสารเคยประสบอุบัติเหตุรถชน รักษาตัวนาน 3 ปีจนเมียหนีทิ้งลูกวัย 5 ขวบให้เลี้ยงดู

เมื่อวันที่ 5 พ.ค.54 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนักท่องเที่ยวที่ไปรับประทานอาหาร ที่ร้านอาหารครัวป้าเล็ก ตั้งอยู่เลขที่ 23/2 หมู่ 1 ต.เกาะเรียน อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระ นครศรีอยุธยา
 
มีหนุ่มวัยรุ่นทำหน้าที่เป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหารดังกล่าว มีนมถึง 4 เต้า จึงเดินทางไปตรวจพิสูจน์ เมื่อไปถึงพบชายหนุ่มชื่อนายศักดิ์สิทธิ์ หรือปุ้ย สันทัดถ้อย อายุ 26 ปี กำลังเตรียมจัดโต๊ะเก้าอี้อยู่ภายในร้าน สวมเสื้อยืด ท่าทางไม่เคอะไม่เขิน จึงขอให้เปิดเสื้อเพื่อพิสูจน์ ทุกคนถึงกับตกตะลึง เมื่อพบว่านายศักดิ์สิทธิ์มีนม 4 เต้าจริงตามคำบอกเล่า นมทั้งสี่เต้ามีลักษณะขนาดเท่ากัน และมีความสมบูรณ์ มองไม่ออกว่าเต้าไหนเป็นส่วนที่เกินมา เมื่อทดลองใช้มือจับที่บริเวณฐานนมพบว่ามีการตอบสนองทั้ง 4 เต้า จนทำให้นายศักดิ์สิทธิ์เกิดอาการจั๊กจี้ จนสร้างรอยยิ้มทั้งนายศักดิ์สิทธิ์และกลุ่มผู้สื่อข่าว

นายศักดิ์สิทธิ์เล่าว่า นมทั้ง 4 เต้ามีมาตั้งแต่แรกเกิด แม่เคยพาไปพบแพทย์เพื่อรักษาผ่าตัดออก
 
เพราะเกรงว่าจะเป็นอันตราย และกลัวว่าจะเป็นปมด้อยเมื่อโตขึ้น แพทย์แนะนำว่า เต้านมที่เป็นส่วนเกินทั้งสองเต้าจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายแต่อย่างไร ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดออก อาจจะเป็นผลดีด้วยซ้ำ เพราะมีอวัยวะเต้านมเพิ่มขึ้นไม่เหมือนใคร และแม่ก็เห็นดีด้วยและยังเชื่อว่าเป็นบุญของลูกที่มีเต้านมเพิ่ม จึงได้ตั้งชื่อให้เป็นมงคลว่าศักดิ์สิทธิ์ และใช้ชื่อนี้เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้

นายศักดิ์สิทธิ์เผยต่ออีกว่า เมื่อยังเป็นเด็กๆ เป็นคนนิสัยแปลกชอบกินสบู่ เห็นก้อนสบู่ไม่ได้ชอบนำมากิน
 
โดยเฉพาะสบู่ตรานกแก้ว ก้อนสีเขียวจะชื่นชอบมากที่สุด แต่ปัจจุบันเลิกกินสบู่แล้ว นมที่เป็นส่วนเกินไม่ได้สร้างความวิตกกังวล หรือปมด้อยแก่ตัวเองแต่อย่างไร เมื่อครั้งสมัยที่เรียนหนัง สือเพื่อนในห้องเรียนมีล้อเล่นบ้างและจะเรียกชื่อตามเต้านมที่เกินมาว่า องค์ชายสี่ และต้องขอขอบคุณคุณหมอและคุณแม่ที่ไม่ตัดนมทิ้ง ทำให้ตนเองโชคดีไม่ต้องเกณฑ์ทหาร เนื่องจากถูกคัดทิ้งเพราะเป็นบุคคลที่มีอวัยวะเกิน 32 เป็น 34 เมื่อครั้งที่อายุครบทำบัตรประชาชนที่อำเภอเจ้าหน้าที่สอบถามตำหนิในร่างกายว่าอยู่ตรงไหน ได้บอกว่าอยู่ที่นม มีนม 4 เต้า ทำเอาเจ้าหน้าที่ถึงกับงง แต่เมื่อเปิดเสื้อให้ดูทุกคนถึงกับอมยิ้ม และได้บันทึกว่า ตนเองมีตำหนิ มีนม 4 เต้า ทุกวันนี้ได้ช่วยป้าเล็ก เป็นป้าแท้ๆ ที่เปิดร้านอาหาร คอยดูแลรับแขก จัดโต๊ะอาหารบริการลูกค้า และลูกค้าทุกคนจะรู้จักดีว่าตนเองมีนม 4 เต้า กลายเป็นจุดขายของร้านป้าเล็กด้วย เมื่อลูกค้าประจำพาเพื่อนมารับประทานอาหารที่ร้านจะชวนเพื่อนๆ ดูเต้านมของตนที่แปลกประหลาด ตนจะเปิดให้ดูทุกครั้งเมื่อลูกค้าต้องการ แต่มีข้อแม้ว่าห้ามจับหรือใช้มือเขี่ยหัวนมเล่นเท่านั้น ซึ่งเป็นที่รู้กันสำหรับลูกค้าประจำ

นางอัมพร หรือป้าเล็ก เกิดภักดี อายุ 51 ปี เจ้าของร้าน กล่าวว่า รู้สึกห่วงนาย ศักดิ์สิทธิ์ หลานชายคนนี้มาก และเป็นหลานชายคนเดียว
 
มีชีวิตน่าสงสาร เคยมีครอบครัว มีลูกด้วยกัน 1 คน เป็นลูกสาว ปัจจุบันอายุ 5 ขวบ เมื่อกลางปีพ.ศ.2549 หลานชายได้ขับรถจักรยานยนต์ไปประสบอุบัติเหตุชนกับรถบรรทุกปูน จนสลบไป 20 วัน เมื่อฟื้นขึ้นมาจำอะไรไม่ได้เลย ตนพาไปรักษานานกว่า 3 ปีจนหายเป็นปกติ ภรรยาที่มีลูกด้วยกันรับไม่ได้หนีไป ทิ้งลูกให้เลี้ยง ซึ่งทุกคนก็ช่วยกันเลี้ยง และให้กำลังใจด้วยดีเสมอมา

วันเดียวกัน ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรม และรอง ผอ.ฝ่ายสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อสารวิทยาศาสตร์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
 
กล่าวถึงกรณีชายหนุ่มมีนม 4 เต้าว่า อวัยวะบางอย่างที่มีเกินออกมาอาจไม่ใช่เกิดจากกรณีของพันธุกรรมโดยตรง เนื่องจากเป็นความผิดปกติตอนเป็นทารกในครรภ์มากกว่า ซึ่งการกำเนิดทารกปกติเมื่อไข่ผสมกับเชื้ออสุจิและพัฒนาไป จากนั้นอาจเกิดสิ่งผิดปกติอวัยวะบางส่วนไม่เติบโตหรือมีอวัยวะบางอย่างเกินออกมาได้ โดยสาเหตุเกิดจากปัจจัยทางชีวภาพ เคมี หรือฟิสิกส์ได้ เช่น การได้รับสารกัมมันตรังสี สารเคมีจากยาบางอย่าง ยาแก้แพ้ อาจทำให้เด็กเกิดมานิ้วมือไม่พัฒนา เป็นพังผืดได้ หรือหากเป็นฝาแฝดเด็กคนหนึ่งอาจพัฒนาไม่ดีเท่าอีกคน หรือแฝดน้องอาจตาย หรือตัวติดกับคนที่รอดได้

ดร.นำชัยกล่าวต่อว่า กรณีของชายมีนม 4 เต้าหากเคยได้รับการตรวจจากแพทย์ว่าไม่มีอันตรายคิดว่าเรื่องนี้เกิดกับผู้ชายไม่น่าจะมีผลอะไร เพราะไม่มีน้ำนม
 
การจะผ่าตัดหรือไม่ผ่าตัดจึงไม่น่าจะแตกต่างกัน สาเหตุน่าจะเกิดจากความผิดปกติระหว่างอยู่ในครรภ์ ซึ่งเมื่อโตขึ้นมาแล้วก็ยังผิดปกติต่อไปอีก หรือร่องรอยความผิดปกติอาจจะหยุดอยู่แค่นั้น ซึ่งทั่วโลกก็มีกรณีอย่างนี้ แต่นานๆ เจอที ซึ่งความจริงแล้วกระบวนการพัฒนาร่างกายจะมีระบบชีววิทยาควบคุมแน่นหนา หากรังสีหรือยาที่รุนแรงมากจนทำให้กระบวนการพัฒนาผิดปกติร่างกายจะซ่อมแซมเอง อย่างไรก็ตาม กรณีมีอวัยวะเกิน เหมือนมีนิ้วมือข้างละ 6 นิ้ว หรือกรณีนม 4 เต้า หากไม่กระทบการดำรงชีวิตก็ไม่จำเป็นต้องไปทำอะไรอีก

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์