ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
แถลงถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ยื่นให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สอบกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี รับเงินค่าวิทยากรจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า
ไม่เข้าใจถึงการทำหน้าที่ของนายเรืองไกร ซึ่งในช่วงเริ่มต้น นายเรืองไกรได้รับการชื่นชมจากสังคม แต่ในระยะหลังกลับเอาเรื่องไม่เป็นเรื่อง ขึ้นมาให้เป็นเรื่อง หลังจากที่ได้ไปเป็นวิทยากรให้กับกลุ่มกรุงเทพ 50 ในพรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดง จากนั้นก็มีการเคลื่อนไหวในลักษณะสะเปะสะปะ ซึ่งการที่นายเรืองไกรอ้างว่าการยื่นให้กกต.ตรวจสอบนายกฯ เป็นการเทียบเคียงกับกรณีของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ที่รับค่าพิธีกรในรายการชิมไปบ่นไป
นายเทพไท กล่าวต่อไปว่า แต่ทั้งสองกรณีมีความแตกต่างใน 5 ประเด็นคือ
1.นายกฯ ไปบรรยายทางวิชาการ ไม่ใช่ทำหน้าที่ในฐานะธุรกิจการค้า
2.หน่วยงานที่เชิญเป็นหน่วยงานรัฐ ไม่ใช่บริษัทห้างร้านหรือเอกชน
3.การให้ค่าบรรยายกับนายกฯ เป็นเหมือนเบี้ยประชุม ไม่ใช่เจ้าของธุรกิจให้ค่าจ้างกับลูกจ้าง
4.การรับค่าบรรยาย ไม่ถือเป็นการรับของขวัญ ที่มีมูลค่าเกิน 3,000 บาท และ 5.นายกฯ ได้ไปบรรยายครั้งเดียว และไม่ใช่อยู่ในฐานะลูกจ้างประจำ ดังนั้น จึงไม่ถือว่าขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 267 ตามที่นายเรืองไกรระบุ