แม่ค้าเจอเรื่องขนหัวลุกขณะเดินกลับที่พักกลางดึก ได้ยินเสียง คนเคาะกระจก ตู้โทรศัพท์
และยังมีเสียงคล้ายเด็กร้องขอความช่วยเหลือดังตามมา หันไปมองกลับไม่เห็นคน โกยอ้าวแบบไม่คิดชีวิต รุ่งเช้าเพื่อนบ้านมาเล่าให้ฟังเจอเหตุการณ์ลักษณะเดียวกัน เชื่อว่าน่าจะมีศพเด็กถูกนำมาฝังไว้ เข้าไปตรวจสอบในป่าข้างทาง พบศพทารกถูกนำมาฝังไว้ใต้ต้นไม้ จึงแจ้งตำรวจทราบ คาดเป็นลูกของแรงงานชาวกัมพูชา หลังเกิดเหตุหายตัวไป
เรื่องราวชวนขนหัวลุกรายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 15 มิ.ย. ร.ต.อ.สุชาติ จันทสิงห์ ร้อยเวร สภ. เมืองนนทบุรี สาขารัตนาธิเบศร์
ได้รับแจ้งมีผู้พบศพเด็กทารกถูกฝังไว้ในป่าหญ้าภายในซอยรัตนาธิเบศร์ 22 ใกล้โรงแรมปาร์คอิน หมู่ 8 ต.บางกระสอ จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท.สุนทร ชื่นชิด พนักงานสอบสวน (สบ 3) พ.ต.ท.สมชาย ขำสัจจา สว.กก.สส.ภ.จ.นนทบุรี แพทย์เวรสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุพบชาวบ้านยืนจับกลุ่มพูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ภายในป่าหญ้าลึกจากถนนเข้าไปประมาณ 20 เมตร พบร่องรอยมีการฝังกลบใหม่ๆ
เมื่อเจ้าหน้าที่คุ้ยดินออกก็พบศพทารกอายุ 5-6 เดือน ยังไม่สามารถระบุเพศได้ ถูกห่อด้วยผ้าถุงลายดอก มีหมวกไหมพรมสีเนื้อ และเสื้อผ้าเด็กอ่อน 1 ชุด ฝังอยู่รวมกัน โดยมีก้านธูปปักอยู่ ใกล้หลุมจำนวน 4 ดอก นอกจากนี้ยังพบธนบัตรฉบับละยี่สิบบาท 1 ฉบับ เหรียญ 10 บาท และเหรียญ 5 บาท รวม 35 บาท วางอยู่บนบริเวณใบหน้าศพ สายสะดือมีเส้นด้ายสีม่วงมัดผูกติดอยู่ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3 วัน จึงนำศพส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง
‘ทารกผี’เฮียนจัด ร้องวอนช่วยขุดศพ
สอบถามนางจินตนา ศรีเงิน แม่ค้าขายของอยู่ใกล้ ที่เกิดเหตุและเป็นผู้พบศพเป็นคนแรก
เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะเดินกลับจากขายของเข้าบ้านผ่านตู้โทรศัพท์ ได้ยินเสียงดังคล้ายคนเคาะกระจกตู้โทรศัพท์ เมื่อหันไปดูก็ไม่พบอะไร ระหว่างนั้นได้ยินเสียงเด็กตะโกนบอกว่า "พี่ พี่ ช่วยหนูด้วย หนูถูกฝังอยู่ตรงนี้" ตอนแรกคิดว่าหูแว่วไป หันไปมองตามเสียงก็ไม่พบว่ามีเด็ก ตอนนั้นรู้สึกกลัวจนขนหัวลุกซู่ เชื่อว่าถูกผีหลอกแน่แล้ว รีบวิ่งจ้ำอ้าวกลับบ้านแบบไม่เหลียวมองหลัง กระทั่งเช้าของวันนี้ขณะกำลังขายของมีนายสุวิทย์ หรือแห้ว วัชเดช อายุ 32 ปี เดินมาบอกว่าสงสัยจะมีศพเด็กถูกฝังอยู่ใต้ต้นไม้ด้านใน ด้วยความสงสัยชักชวนเพื่อนบ้านใกล้เคียงเข้าไปดู พบว่าที่ใต้ต้นไม้มีรอยฝังกลบใหม่ๆ มีก้านธูปปักอยู่ เมื่อใช้ไม้เขี่ยดินด้านบนออกก็พบศพเด็กทารกถูกฝังอยู่ จึงแจ้งให้ตำรวจทราบ
ในขณะที่นายสุวิทย์ หรือแห้ว วัชเดช เปิดเผยว่า เมื่อช่วงดึกของคืนที่ผ่านมา ขณะกลับจากดูถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกผ่านที่เกิดเหตุ
ได้ยินเสียงคล้ายคนเคาะกระจกตู้โทรศัพท์ เมื่อหันไปดูก็ไม่พบใคร ตอนแรกคิดว่าหูแว่วไปเอง จึงหันหลังจะเดินต่อ แต่ยังไม่ทันก้าวเท้าได้ยินเสียงดังคล้ายคนเคาะกระจกตู้โทรศัพท์อีก ตอนแรกคิดว่าเพื่อนแอบหยอกล้อ จึงเดินเข้าไปสำรวจแต่ไม่พบว่ามีใคร ตอนนั้นรู้สึกขนหัวลุกซู่รีบหันหลังกลับที่พัก ปรากฏว่ายังไม่ทันก้าวเท้ามีเสียงเคาะตู้โทรศัพท์ ดังขึ้นมาอีก คราวนี้ไม่รอช้ารีบโกยอ้าวกลับที่พักแบบไม่คิดชีวิต เพราะเชื่อว่าโดนผีหลอกเข้าแล้ว
นายสุวิทย์กล่าวอีกว่า กระทั่งถึงช่วงเที่ยงของวันใหม่ เดินไปดูที่ตู้โทรศัพท์อีกครั้ง ก่อนจะเดินเข้าสำรวจไปในป่าหญ้า
สังเกตเห็นว่ามีร่องรอยของการฝังกลบอะไรบางอย่างใต้ต้นไม้ โดยมีก้านธูปปักอยู่ ระหว่างนั้นมีกลิ่นเหม็นคล้ายซากศพโชยออกมาเป็นระยะๆ ตอนแรกคิดว่ามีชาวบ้านนำซากสุนัขหรือซากแมวไปฝังกลบ แต่เมื่อกลับถึงที่พักรู้สึกเอะใจกับสิ่งที่พบเห็นมา นำเรื่องไปเล่าให้นางจินตนาแม่ค้าทราบ เพราะเชื่อว่าน่าจะมีศพเด็กถูกฝังอยู่ เมื่อนางจินตนาเข้าไปดูก็พบว่ามีศพเด็กทารกถูกฝังอยู่จริงๆ ตนเชื่อว่าวิญญาณของเด็กทารกคงต้องการให้ตนรู้ว่าถูกฝังอยู่ตรงนั้น พูดแล้วขนลุก
เบื้องต้นตำรวจประมวลเหตุการณ์แล้วสันนิษฐานว่า แม่เด็กน่าจะเป็นคนงานต่างด้าวหรือหญิงขายบริการซึ่งพักอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ ตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจ จึงไปให้หมอเถื่อนทำแท้ง จากนั้นนำศพทารกไปฝังเพื่อหนีความผิด ล่าสุดตำรวจเข้าไปตรวจสอบพบว่ามีผัวเมียเป็นแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาหายตัวไปจากที่พักละแวกใกล้ที่เกิดเหตุ ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัวแล้ว