เปิดข้อกล่าวหา5รมต. สุเทพ-โสภณ-ชวรัตน์อ่วม กรณ์-กษิตตีกระทบชิ่งมาร์ค

ที่มา - เป็นการรวบรวม "ข้อกล่าวหา" ของ 5 รัฐมนตรีที่ถูกยื่นญัตติอภิรายไม่ไว้วางใจ จากข้อมูล-หลักฐาน ของพรรคเพื่อไทย ที่จะนำมาใช้ประกอบการอภิปรายรัฐบาล "อภิสิทิ์ เวชชาชีวะ" ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม และวันที่ 1 มิถุนายน

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ

รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง

-ในฐานะที่ปฏิบัติหน้าที่ราชการแทนนายกรัฐมนตรีและในตำแหน่งหน้าที่ของตนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกระทำผิดรัฐธรรมนูญไม่บังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย มีพฤติการณ์ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการนับแต่เดือนมีนาคม-เดือนพฤษภาคม 2553 กรณีสลายการชุมนุม ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการสลายการชุมนุมจำนวนมาก อันเป็นเหตุจากการสลายการชุมนุมไม่เป็นไปตามาตราฐานสากล นอกจากนี้ยังกระทำผิดหน้าที่ตามกฎหมาย กล่าวคือการกระทำผิดต่อ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 11 (5) ประกอบมาตรา 24 พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547

-ใช้กำลังทหารเข้าไปข่มขู่คุกคามในสถานีไทยคมและทำการทำลายสัญญาณการสื่อสารโทรทัศน์เป็นการละเมิดเสรีภาพในการสื่อสารของประชาชน

-การละเมิดต่อสิทธิในทรัพย์สินของบุคคลโดยศอฉ.ได้ออกคำสั่งห้ามบุคคลหรือนิติบุคคลทำธุรกรรมการเงิน

-แจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โดยปกปิดทรัพย์สินให้อยู่ในการครอบครองของคนอื่นในลักษณะตัวแทนการถือครองกรรมสิทธิ์โดยทางอ้อม (นอมินี) เกี่ยวกับที่ดินหมู่ 6 ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี โดยจากนิติกรรมการซื้อขายและถือครองที่ดินได้ให้นายแทน เทือกสุบรรณ บุตรชายเป็นตัวแทนในการซื้อและถือครองที่ดินคือ โฉนดเลขที่ 28109 เล่ม 282 ระวาง 4928II 0256 เลขที่ดิน 39 ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย เนื้อที่ 62 ไร่ 1 งาน 97 ตารางวา

จากพฤติกรรมดังกล่าวถือว่าเป็นการได้ที่ดินมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากสภาพที่ดินเป็นภูเขาเกือบทั้งแปลง หรือที่ชาวบ้านแถบนั้นเรียกว่า "เขาแพง" ตั้งอยู่ในระดับความสูง 200 เมตร จากระดับน้ำทะเลขึ้นไป และมีความลาดชันเกิน 35 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตามกฎหมายไม่สามารถออกโฉนดที่ดินได้ เพราะตามประกาศของกระทรวงมหาดไทย มาตรา 9(2) แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ลงวันที่ 21 พฤษภาคม 2523 และกฎกระทรวงฉบับที่ 43 หมวด 3 โฉนดที่ดิน ในข้อ 14 ระบุชัดว่า ห้ามมิให้ออกโฉนดที่ดินบนที่ภูเขา และที่เกาะ

นอกจากนั้น จากการตรวจสอบเอกสารในที่ดินพบว่า แต่เดิมเป็นที่ดิน สค.1 จำนวน 3 แปลง 15 ไร่ แต่เมื่อนำมาออกเป็น น.ส.3ก. เนื้อที่กลับเพิ่มเป็น 48 ไร่ 1 งาน 97 ตารางวา และเมื่อออกเป็นโฉนด โดยนำเอา น.ส.3ก. มารวมกัน เนื้อที่ในโฉนดกลับเพิ่มเป็น 62 ไร่ 1 งาน 97 ตารางวา เพิ่มขึ้นถึง 14 ไร่คิดเป็น 29% ของบริเวณเนื้อที่ที่เพิ่มขึ้น

อีกทั้งยังพบว่า เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2550 นายแทน เทือกสุบรรณ ยังได้จัดสรรแบ่งโอนที่ดินในแปลงดังกล่าวให้แก่นางศรีสกุล พร้อมพันธุ์ ภรรยานายสุเทพ จำนวน 4 ไร่ ด้วย

นายกรณ์ จาติกวณิช

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

-ก่อหนี้เป็นภาระผูกพันต่อประเทศชาติ โดยมิได้คำนึงถึงสถานะทางเศรษฐกิจ นำเงินที่ได้จากการกู้ไปดำเนินนโยบายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกระทรวงต่างๆ ทั้งที่โครงการแต่ละโครงการไม่ได้สร้างประโยชน์กับเศรษฐกิจโดยรวมทำให้การใช้จ่ายเงินแผ่นดินไปโดยสูญเปล่า เรียกว่า "กู้มาโกง" อาทิ โครงการชุมชนพอเพียง และการสร้างถนนปลอดฝุ่น

-ดูจากงบประมาณปี 2554 ที่รายจ่ายอยู่ที่ 2.07 ล้านล้านบาท สูงกว่ารายได้จำนวนมาก จึงต้องกู้ชดเชยสูงถึง 420,000 ล้านบาท แต่พบว่ารัฐบาลไม่มีความพยายามในการชำระหนี้คืน จะเห็นได้จากการจัดงบคืนหนี้เงินกู้เพียง 32,000 ล้านบาท ลดลงจากปีงบประมาณ 2553 ถึง 36%

นอกจากนั้น ยังระบุว่าตั้งแต่รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ หนี้สาธารณะของจีดีพีเดือนธันวาคม 2551 อยู่ที่ 3,471,344.64 ล้านบาท หรือประมาณ 38.25% ของจีดีพี ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2553 หนี้สาธารณะอยู่ที่ 4,075,144.13 ล้านบาท หรือ 41.90%ของจีดีพี

จากเดือนธันวาคม 2551 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ระยะเวลา 1 ปี 2 เดือน รัฐบาลก่อหนี้สาธาณะเพิ่มขึ้น 603,799.49 ล้านบาท

-ก่อนหน้าที่จะมีการประกาศขึ้นภาษีสุรา ได้มีการแจ้งข่าวไปยังบริษัทผลิตสุราที่เป็นนายทุนของพรรคประชาธิปัตย์ทราบล่วงหน้า ทำให้บริษัทสุราเร่งผลิตสุราเก็บไว้ในสต๊อคจำนวนมาก ก่อนที่จะมีการเสียภาษีในอัตรเก่า ก่อนที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2552 จากนั้นบริษัทดังกล่าว ก็ได้จะนำสุราออกมาจำหน่ายในช่วงที่กระทรวงการคลังได้ประกาศขึ้นภาษีสุราแล้ว ซึ่งสร้างผลประโยชน์ให้กับบริษัทผลิตสุราบางแห่งอย่างมหาศาล

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

-มีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ และส่อว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

-กรณีให้บริษัทเครือญาติของตนเอง เข้าเป็นคู่สัญญากับรัฐในหลายโครงการ โดยมีส่วนร่วมเข้าไปลงมติเห็นชอบกับโครงการดังกล่าวในฐานะรัฐมนตรี ส่งผลให้รัฐต้องจ่ายเงินมากกว่าที่ควรจ่ายหลายพันล้านบาท โดยเฉพาะการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสีม่วงช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ ที่บริษัท ซิโน-ไทย ของตระกูลชาญวีรกูล เป็นเจ้าของ

-การอนุมัติให้ขออนุญาตเปิดร้านจำหน่ายอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน มากที่สุดในรอบ 27 ปีโดยทำการเปิดร้านปืนขึ้นมาทั้งหมดตามอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จำนวน 193 ร้านทั่วประเทศ โดยในเนื้อหาของการอนุมัติยังระบุด้วยว่าร้านปืนแต่ละร้าน จะสามารถนำเข้าอาวุธปืนสั้นได้ปีละ 30 กระบอก ปืนยาว 50 กระบอก และกระสุนต่างหาก

มีหลักฐานควรเชื่อได้ว่า การเปิดร้านปืนแต่ละแห่ง จะต้องจ่ายค่าใบอนุญาตเปิดร้านใบละ 4.5 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่า 868.5 ล้านบาท

นอกจากนั้น ยังพบว่าเปิดโควต้าสวัสดิการให้กับตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่กรมการปกครองอีกจำนวนถึง 10,000 กระบอก โดยมีข้อตกลงกันว่าจะต้องจ่ายค่าหัวคิวให้กับบุคคลที่มีอำนาจอนุมัติกระบอกละ 4,000 บาท มูลค่าราว 40 ล้านบาท

-แทรกแซงและแสวงหาประโยชน์จากการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่ระดับนายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด และอธิบดีกรมต่างๆ

-การเรียกคืนอาวุธปืนลูกซองจากจังหวัดจำนวน 1,83 กระบอกจากกอ.รมน. 4 ภาค 59 จังหวัด พร้อมกระสุน 2,000 นัด เพื่อนำไปมอบให้หน่วยงานความมั่นคงเพื่อใช้ในการสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ตามหนังสือลงวันที่ 17 เมษายน 2553

นายโสภณ ซารัมย์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

-บริหารราชการแผ่นดิน โดยการกำหนดนโยบายเพื่อมุ่งแสวงหาประโยชน์ในทางทรัพย์สิน และประโยชน์ในทางการเมืองโดยไม่ได้คำนึงถึงประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน

-รู้เห็นเป็นใจหรือยินยอมให้พวกพ้องหรือผู้สนับสนุนทางการเมืองของตนเองเข้ามาแสวงหาประโยชน์จากโครงการที่ได้กำหนดขึ้น

มีพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการส่อว่าจงใจ ใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชนที่เป็นพวกพ้องของตนเองและญาติของรัฐมนตรีในพรรคการเมืองตนเองได้ประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบจากการประมูลงานและเป็นคู่สัญญากับรัฐส่งผลให้รัฐต้องสูญเสียเงินงบประมาณเกินกว่าความเป็นจริงหลายพันล้านบาท

โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่พบว่ากระทรวงคมนาคมได้โยกงบประมาณ 2 รายการ จากทั้งหมด 4 รายการ ไปใส่ไว้ในงบค่างานตรงหรืองานก่อสร้าง คือ วงเงินสำรอง 3 สัญญา จากเดิม 1,500 ล้านบาท ปรับลดลงทั้ง 3 สัญญาเหลือแค่ 175 ล้านบาท และงบภีมูลค่าเพิ่ม เดิมกำหนดไว้ใน 4 สัญญา มูลค่า 2,359 ล้านบาท ถูกปรับลดทั้งหมด

เมื่อนำ 2 รายการมารวมกันมูลค่าที่ปรับลดลงและโยกไปใส่ในงบก่อสร้างรวมทั้งสิ้น 3,684 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทพรรคพวก คือ บริษัท ซิโน-ไทย ของตระกูลชาญวีรกูล

อีกทั้งการโยกงบประมาณดังกล่าวไม่ได้มีการนำเข้า ครม.เพื่อให้รับทราบ ไม่ได้ทำเรื่องเสนอสำนักงบประมาณ กระทำการโดยใช้อำนาจของคณะกรรมการ (บอร์ด) ของ รฟม.ในการดำเนินการ

นายกษิต ภิรมย์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

-บริหารราชการแผ่นดินโดยไม่ก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีกับประเทศชาติในสายตาประชาคมโลก มีพฤติกรรมข่มขู่ก้าวร้าวต่อมิตรประเทศ สร้างความขัดแย้งระหว่างราชอาณาจักรไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเสื่อมทรุดอย่างไม่เคยมีมาก่อน

-มีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อฝ่ายที่เห็นต่างกับตนเอง มุ่งทำลายล้างนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามในทุกวิถีทาง โดยไม่ได้คำนึงถึงคุณธรรม จริยธรรม และศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ โดยเฉพาะการไล่ล่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในต่างประเทศ

-ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและนโยบายที่ได้แถลงไว้ ล้มเหลวในการบริหารราชการในเรื่องความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านที่ว่าจะสร้างความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจกันโดยเฉพาะกรณีความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกับประเทศกัมพูชา

-การสำรวจหลักเขตแดนกับประเทศเพื่อนบ้านและเจรจาเรื่องการร่วมพัฒนาพื้นที่ที่ไทยและประเทศกัมพูชาอ้างสิทธิทับซ้อนและขยายความร่วมมือในกรอบอนุภูมิภาคโดยเฉพาะความร่วมมือเพื่อการพัฒนาและผลักดันยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านสู่การปฏิบัติรวมทั้งผลักดันยุทธศาสตร์ความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ

-ความล้มเหลวในตการเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดอาเซียนและการประชุมที่เกี่ยวข้องตามแผนงานการเป็นประธานอาเซียนของไทย ทำให้ความร่วมมือในกรอบอาเซียนล้มเหลวและทำให้ประเทศขาดความน่าเชื่อถือต่อกลุ่มอาเซียนและต่อนานาประเทศทั่วโลก

-นายกษิตยังตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีความผิดต่อความมั่นคงของรัฐว่าด้วยการก่อการร้าย ในกรณีที่เป็นหนึ่งในแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่บุกรุกสนามบินสุวรรณภูมิ