น่าสงสาร !! ด.ช.ดักแด้ พร้อมสาวงวงช้าง

สลดเด็กชายวัย 2 ขวบ

น่าสงสาร !! ด.ช.ดักแด้ พร้อมสาวงวงช้าง


ป่วยเป็นโรคดักแด้ ผิวหนังลอก เป็นแผลพุพอง เลือดไหลซิบตลอดเวลา พ่อแม่พาตระเวนหาหมอหลายโรงพยาบาลช่วยรักษา แต่ไม่หาย ได้แค่ทายากับใช้ผ้าพันแผลไปวันๆ วอนหาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนังช่วยรักษาให้หายขาด เพราะไม่อยากเห็นลูกทรมาน อีกรายสาวใหญ่วัย 43 มีเนื้องอกที่แก้มสองข้าง เป็นงวงยาว 1 ฟุต ห้อยย้อยถึงหน้าอก เป็นมาตั้งแต่เกิด เคยผ่าตัดเอาออกตอนอายุ 15 แต่ก็งอกขึ้นมาอีก ถึงจะไม่เจ็บปวดแต่ทุกข์ทรมานใจเพราะไปไหนมีแต่คนรังเกียจ

เมื่อวันที่ 3 ก.ย.


นายรชต วิลัย อายุ 28 ปี และนางพิมพ์พร ไผนอก อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 หมู่ 9 บ้านสองห้อง ต.ตลาดไทร อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา ได้แจ้งผ่านสื่อมวลชนขอความช่วยเหลือจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้ที่มีความรู้และสามารถรักษาโรคผิวหนังของด.ช.ฐิติกร หรือโด่ง วิลัย ลูกชายวัย 2 ขวบ ซึ่งมีลักษณะผิวหนังลอก เป็นแผลพุพองตามร่างกาย มีเลือดไหล ต้องใช้ครีมทา และผ้าพันแผลตามร่างกายตลอดเวลา

นายรชตกล่าวว่า


ลูกชายป่วยเป็นโรคดังกล่าวมาตั้งแต่เกิด หลังจากคลอดที่โรงพยาบาลลำปลายมาศ พบว่าที่ขาขวามีรอยช้ำ และรอยถลอกแดง มีเลือดไหล แต่มีขนาดไม่ใหญ่นัก หลังจากนั้น 7 วันแพทย์ส่งตัวไปตรวจรักษาที่ร.พ.บุรีรัมย์ หมอก็เริ่มทำแผลพร้อมทั้งฉีดยา แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น นอกจากนี้แผลยังเริ่มขยายใหญ่ขึ้นจากเดิม แพทย์ร.พ.บุรีรัมย์จึงส่งน้องโด่งไปรักษาที่ร.พ.จุฬาฯ ในกรุงเทพฯ หมอนำชิ้นเนื้อไปตรวจแล้วบอกว่าเป็นโรคทางพันธุกรรม รักษาไม่หาย ต้องรักษาตามอาการไปเรื่อยๆ หลังจากรักษาที่ร.พ.จุฬาฯ ได้ครึ่งเดือนก็กลับมาบ้านที่ อ.ชุมพวง จากนั้นได้พาไปรักษาตามโรงพยาบาลมีชื่อหลายแห่ง แต่หมอก็ยืนยันตรงกันว่ารักษาไม่หาย ตนก็ไม่รู้จะรักษาลูกอย่างไร ได้แต่ใช้ครีมทาให้แล้วเอาผ้าพันแผลปิดทับจุดที่เป็นแผลใหญ่ๆ เวลาจะอาบน้ำก็ต้องลอกผ้าพันแผลออก หนังที่เป็นแผลก็จะติดกับผ้า ก็ต้องเอาน้ำร้อนลูบก่อนแล้วค่อยๆ แกะผ้าพันแผลออก เลือดก็จะไหลออก บางจุดที่เป็นแผลใหญ่ก็ต้องค่อยทำเบาๆ ลูกจะส่งเสียงร้องด้วยความทรมาน และเจ็บปวดทุกครั้งที่ต้องอาบน้ำ อีกทั้งน้ำที่อาบก็ต้องผสมกับสบู่ฆ่าเชื้อ ทำให้แสบตามผิวหนัง หลังจากอาบน้ำเสร็จก็ต้องอาบน้ำผสมน้ำเกลืออีกด้วย

นายรชตกล่าวต่อว่า


น้องโด่งต้องทนทรมานมานานเป็นเวลา 2 ปี เวลาเดินก็เดินได้ช้าๆ หยิบจับอะไรก็ช้า เพราะเจ็บแผล ไม่รู้จะรักษาให้หายได้อย่างไร ตนสงสารลูกมาก บางครั้งเวลาลูกร้องไห้ตนเป็นพ่อก็อดที่จะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว ไม่รู้เวรกรรมอะไรมาตกที่ลูก เวลาพาไปหาหมอหมอก็ได้แต่มอง บางคนก็ไม่กล้าทำแผลให้ เวลาพาไปไหนมาไหนทุกคนก็จะรังเกียจ เวลาหน้าร้อนผิวหนังก็จะพองขึ้นมา มีน้ำใสๆข้างในลูกก็จะร้อง ตนจึงขอวอนให้ผู้ที่มีความรู้ด้านโรคผิวหนังที่สามารถรักษา หรือแนะนำวิธีรักษาลูกชายให้หายได้กรุณาช่วยบอกด้วย จะเป็นพระคุณอย่างสูง

นายรชตกล่าวว่า


ตนเองมีอาชีพขับรถส่งของอยู่ที่กรุงเทพฯ ภรรยาทำงานร้านอาหารในกรุงเทพฯ เลยต้องฝากน้องโด่งให้ย่าคือนางศรี วิลัย เป็นคนเลี้ยงดูแทน ต้องลำบาก ตนต้องกลับมาบ้านมาดูลูกบ่อยๆ หากมีผู้ใจบุญต้องการติดต่อให้ความช่วยเหลือ สามารถติดต่อได้ที่โทรศัพท์ 0-7021-9307 และ 0-2958-6203

ส่วนอีกรายที่ จ.มหาสารคาม ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า


ที่บ้านเลขที่ 9 หมู่ 19 บ้านกอก ต.ขามเรียง อ.กันทรวิชัย มีหญิงสาวป่วยด้วยโรคประหลาด มีเนื้องอกออกมาจากแก้มคล้ายงวงช้าง จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบน.ส.ทองใบ บุญหล้า หรือแต๋ว อายุ 43 ปี เจ้าของบ้าน ที่ใบหน้ามีเนื้องอกห้อยลงมาจากแก้มทั้งสองข้าง ยาวประมาณ 30 ซ.ม. ถึงบริเวณหน้าอก

น.ส.ทองใบเปิดเผยว่า


ตนอาศัยอยู่กับพี่สาวและพี่เขย 3 คน ประกอบอาชีพทำไร่ทำนา สำหรับอาการป่วยนี้เป็นมาตั้งแต่กำเนิด เมื่อยังเด็กเนื้องอกก็ยังไม่ใหญ่มากนัก จึงไม่เคยไปพบแพทย์เพราะไม่คิดว่าจะใหญ่ขึ้น อีกทั้งไม่มีอาการเจ็บปวด หรือระคายเคือง แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้นปรากฏว่าเนื้องอกนี้มีขนาดใหญ่ และยาวมากขึ้นเรื่อยๆ จนอายุ 14 ปี ตนจึงไปพบแพทย์ที่ร.พ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น เพื่อให้ตรวจดูว่าเป็นโรคอะไรและจะผ่าตัดออกได้หรือไม่ ซึ่งแพทย์บอกว่าเป็นเนื้องอก ไม่เป็นอันตราย แต่หากจะผ่าตัดออกอาจเสียเลือดมากและเสียชีวิตได้ ตนจึงตัดสินใจไม่ยอมผ่า

น.ส.ทองใบกล่าวต่อว่า


ต่อมาอีก 1 ปีตนไปที่ร.พ.ศิริราช ที่กรุงเทพฯ เพื่อให้แพทย์ผ่าตัดเอาออก เพราะเริ่มโตเป็นสาวแล้ว อยากมีใบหน้าเหมือนคนปกติ หลังจากแพทย์ตรวจวินิจฉัยก็บอกว่าเป็นเนื้องอก หากจะให้หายเหมือนคนปกติจะต้องผ่าตัด แต่ก็เสี่ยงต่อการเสียเลือดมาก และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ตนก็ตัดสินใจที่จะผ่าตัด แต่ตอนนั้นเตียงร.พ.ศิริราชไม่ว่าง แพทย์จึงทำเรื่องให้ไปผ่าตัดที่ร.พ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น ซึ่งแพทย์ได้ผ่าตัดออกให้จนหาย แต่ปรากฏว่าเวลาผ่านไปเป็นปีก็พบว่ามีเนื้องอกยื่นออกมาอีก และโตขึ้นเรื่อยๆ จนห้อยย้อยลงมายาวถึงหน้าอกอย่างที่เห็น แต่ยังดีที่ไม่เจ็บปวด ไม่มีอุปสรรคในการใช้ชีวิตประจำวัน ใช้ชีวิตได้อย่างปกติเหมือนคนทั่วไป สุขภาพร่างกายแข็งแรงดีไม่มีปัญหา

น.ส.ทองใบกล่าว


"แต่เนื้องอกได้สร้างความทุกข์ทรมานทางใจ ใครเห็นก็มักรังเกียจ และมองเป็นตัวประหลาดอยู่เสมอ ในแต่ละวันก็จะไม่ไปสุงสิงกับใครมาก ได้แต่ไปเลี้ยงวัวในทุ่ง เข้าป่าไปหาเห็ด หาหน่อไม้มาขายให้เพื่อนบ้าน หากเป็นไปได้ก็อยากผ่าตัดออกอีก โดยขอวิงวอนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญช่วยผ่าตัดเนื้องอกประหลาดที่อยู่บนใบหน้าตนออกด้วยจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง"

แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์