ฮือฮาหินลอยน้ำต้นไม้ล้มแล้วลุก

ฮือฮาต้นขนวนขนาดใหญ่ล้มลงแล้วตั้งตรงขึ้นเองได้

ฮือฮาหินลอยน้ำต้นไม้ล้มแล้วลุก


ชาวบ้านปรางค์กู่นับร้อยคนแห่ไปกราบไหว้เพื่อขอเลขเด็ด เผยเป็นต้นขนวนขนาดใหญ่อายุกว่า 100 ปี แปลกประหลาดล้มอยู่กับพื้นดินแล้วตั้งตรงขึ้นมาเองได้ ชาวบ้านยืนยันไม่มีใครมาจับยกตั้งขึ้น ชาวบ้านเล็งเลขเด็ด 478 ทำให้หวยขาดตลาด ขณะที่เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษเตือนประชาชนไม่ควรหลงเชื่องมงายไร้เหตุผล ส่วนที่ตรังชาวบ้านตะลึงหินลอยน้ำได้

เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 28 ส.ค.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณกลางทุ่งนาด้านทิศตะวันตกของบ้านกระสินธุ์ ต.ตูม อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ ชาวบ้านประมาณ 100 คน พากันเดินทางไปยังที่นาของนางเฮิม แสงมาศ อายุ 64 ปี พร้อมนำดอกไม้ธูปเทียนไปกราบไหว้ต้นขนวนขนาดใหญ่ ความกว้างประมาณ 3 คนโอบ สูงประมาณ 3 เมตร อายุประมาณ 100 ปี เพื่อความเป็นสิริมงคลและขอหวย โดยตั้งชื่อต้นขนวนว่า "เจ้าแม่พระยาพรชัย ใจงาน" โดยมีอาจารย์ในการทำเลขเด็ดจากทั่วสารทิศพากันมาทำพิธีต่างๆ เพื่อขอหวยกันจำนวนมาก พร้อมนำพวงมาลัยและผ้า 3 สีมาพันรอบต้น และนำเอาแป้งมาทาต้นขนวนเพื่อขอหวย และมีการตั้งศาลเพียงตานำเอาดอกไม้ธูปเทียนเครื่องเซ่นมากราบไหว้อีกด้วย

นายสำเร็จ แสงมาศ อายุ 56 ปี


อยู่บ้านเลขที่ 16 ม.5 ต.ตูม อ.ปรางค์กู่ กล่าวว่า ต้นขนวนต้นนี้ได้ล้มลงเองเมื่อช่วงปี 2547 และพาดอยู่กับคันนาของนางเฮิม ซึ่งเป็นพี่สาวของตน โดยตนจะเดินผ่านต้นขนวนที่ล้มอยู่นี้เพื่อไปทำนาในที่นาของตนเป็นประจำทุกวัน แต่ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 22 ส.ค. เวลาประมาณ 07.30 น. แทบช็อกเนื่องจากเกิดปาฏิหาริย์ตั้งตรงขึ้นมาเองโดยที่ไม่มีร่องรอยเลยว่ามีการใช้อุปกรณ์เครื่องมือหรือว่ามีชาวบ้านจำนวนมากพากันมายกต้นขนวนนี้ขึ้นมา ทำให้พวกตนรู้สึกกลัวมากที่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น แต่ว่าผ่านมาจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้น และมีชาวบ้านที่ทราบข่าวนี้ต่างพากันแห่มากราบไหว้เพื่อขอหวยกันเป็นจำนวนมาก ตนเกิดมาจนกระทั่งอายุขนาดนี้แล้วยังไม่เคยพบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน นับว่าเป็นเรื่องที่น่าแปลกประหลาดใจมาก สำหรับเลขเด็ดที่อาจารย์จากจ.สุรินทร์ คนหนึ่งได้มาทำพิธีเอาไว้แล้วและได้เลขเด็ดออกมาคือ เลขบน 478 ส่วนเลขล่างคือ 44 ส่วนจะถูกหวยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องของโชคลาภของแต่ละคน

นายศักดิ์ชัย คำงาม อายุ 38 ปี


ผญบ.ม.5 บ้านกระสินธุ์ ต.ตูม อ.ปรางค์กู่ กล่าวว่า ปลายปี 2547 ต้นขนวนได้เกิดล้มลงเองโดยไม่ทราบสาเหตุ ชาวบ้านพากันมาตัดปลายของต้นขนวนที่พาดอยู่ในที่นาออกไป เพื่อให้เกิดความสะดวกในการทำนาและสัญจรไปมา เพราะว่าต้นไม้ล้มพาดคันนา ก่อนหน้านี้ทุกคนมีความคิดว่าจะพากันยกต้นขนวนนี้ไปไว้ที่อื่นเพื่อไม่ให้ขัดขวางการทำนา โดยจะใช้รถแบ๊คโฮขนาดใหญ่มายกต้นขนวนขึ้น แต่ว่ายังไม่ได้มีการทำอะไรเลย ปรากฏว่าต้นขนวนได้ตั้งตรงขึ้นเอง สร้างความประหลาดใจให้กับตนและชาวบ้านทุกคนมากทีเดียว ส่วนเรื่องการที่มีชาวบ้านพากันมากราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลและเพื่อขอหวยนั้นเป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องความเชื่อของชาวบ้านที่จะสามารถกระทำได้ และไม่สามารถที่จะห้ามได้แต่อย่างใด เพราะว่าไม่ใช่การกระทำที่ผิดกฎหมายบ้านเมืองนั่นเอง

พระเทพวรมุนี เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า


การที่ต้นขนวนต้นนี้ได้ตั้งตรงขึ้นมาเองนั้น อาจจะเกิดจากรากของต้นไม้ยังไม่ตาย ทำให้รากของต้นไม้อาจจะดึงเอาลำต้นของต้นขนวนตั้งขึ้นมาก็ได้ ไม่อยากให้ชาวบ้านไปหลงเชื่องมงายว่ามีปาฏิหาริย์ ตนจึงขอเตือนประชาชนชาวศรีสะเกษว่า ไม่ควรหลงงมงายไปกราบไหว้ต้นขนวนเพื่อขอหวย หากว่าอยากจะร่ำรวยแทนที่จะเอาเงินไปซื้อหวย ควรที่จะนำเอาเงินไปซื้อจอบมาทำการเกษตรกรรมยังจะดีกว่า เพราะว่ามีความเป็นวิทยาศาสตร์ที่จะทำให้มีเงินทองขึ้นมาได้มากกว่าการซื้อหวยนั่นเอง

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากนายบุญส่ง ถนอมทรัพย์ อายุ 41 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน


หมู่ที่ 4 บ้านเกาะเคี่ยม ต.กันตังใต้ อ.กันตัง จ.ตรัง ว่ามีชาวบ้านพบหินประหลาดขนาดยักษ์ลอยน้ำอยู่ภายในป่าชายเลน จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบที่บริเวณสะพานสร้างใหม่ ซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านนายพาณิชย์ มีเล็ก อายุ 45 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 เมื่อไปถึงพบกลุ่มชาวบ้าน 50-60 คน กำลังมุงดูและวิพากษ์วิจารณ์หินประหลาด ที่ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและทีมงานช่วยกันนำออกมาจากป่าชายเลนตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีขนาดกว้าง 80 เซนติเมตร สูง 1 เมตร และมีน้ำหนักประมาณ 120 กิโลกรัม โดยมีการนำเอาเชือกมากั้นล้อมรอบเอาไว้ เพื่อไม่ให้ใครเข้าไปทำลาย

นายบุญส่งเล่าว่า


เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา นายเลอศักดิ์ มิและ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 101/1 ม.4 บ้านเกาะเคี่ยม ลูกบ้านซึ่งมีอาชีพวางลอบจับปู มาเล่าให้ตนและชาวบ้านในหมู่บ้านฟังว่า พบหินประหลาดขนาดยักษ์ลอยน้ำอยู่ภายในป่าโกงกาง พื้นที่หมู่ที่ 5 บ้านเตะหลำ ต.กันตังใต้ โดยนายเลอศักดิ์นำเอาส่วนหนึ่งของหินมาให้ดูด้วย เมื่อจับดูพบว่าหินมีน้ำหนักและสามารถลอยน้ำได้จริง จึงตัดสินใจเดินทางเข้าไปดูในพื้นที่ด้วยตนเอง พร้อมนำชาวบ้านอีกประมาณ 10 คนมาพิสูจน์ว่าจะเป็นหินภูเขาไฟที่ระเบิดเมื่อหลายปีที่แล้ว และลอยน้ำมาเมื่อครั้งที่เคยได้ยินข่าวมาแล้วก่อนหน้านี้หรือไม่

นายบุญส่งกล่าวว่า


เมื่อเดินเข้าไปภายในป่าโกงกาง ที่มีความลึกพอประมาณ และยังมีรากของต้นแสมมากมาย นอกจากนั้น ยังพบต้นไม้ใหญ่หักโค่นล้มอยู่อีก 1 ต้น คล้ายโดนสิ่งของที่มีขนาดใหญ่หล่นทับ ใกล้ๆ ยังพบต้นไม้อีก 1 ต้น ที่มีร่องรอยถูกถู จนทำให้เปลือกไม้และเนื้อไม้ด้านในถลอกไปครึ่งซีก ตั้งแต่ช่วงปลายยอดมาจนถึงโคนต้น อันเป็นจุดที่พบหินประหลาดกำลังลอยน้ำอยู่ จึงคิดว่าหินประหลาดน่าจะตกมาจากฟ้า เพราะบริเวณนั้นยังพบตอไม้ที่ตายยืนต้นสูงประมาณ 2 เมตร ลักษณะคล้ายกับถูกไฟไหม้ดำเป็นตอตะโก จึงช่วยกันยกหินขึ้นมาบนฝั่งเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจหาข้อเท็จจริง

นายบุญส่งเล่าอีกว่า ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณ 4-5 เดือนที่ผ่านมา ได้มีชาวบ้านเล่าให้ฟังว่า ขณะที่กำลังออกทะเลอยู่คืนหนึ่ง พบเห็นดาวตกที่มีขนาดใหญ่มาก ตกลงมาบริเวณที่พบหินประหลาด โดยมีลักษณะคล้ายกับดวงไฟขนาดใหญ่ แต่ไม่ได้เอะใจอะไร เนื่องจากคิดว่าเป็นดาวตกธรรมดาทั่วไปที่เคยพบมา กระทั่งเมื่อตนได้เข้าไปในบริเวณที่พบหินประหลาดขนาดยักษ์ และเห็นว่ามีรอยไหม้ตอไม้ที่ตายแล้ว จึงเกิดความสงสัยและนึกถึงเรื่องที่ชาวบ้านเคยนำมาเล่าให้ฟัง เนื่องจากเป็นไปได้ยากที่จะเกิดไฟไหม้ขึ้นในป่าโกงกาง ส่วนบริเวณต้นไม้ที่มีรอยถลอกของเปลือกไม้และเนื้อไม้พบว่าเริ่มมีการประสานของเนื้อไม้บางส่วนแล้ว จึงคิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวนี้น่าจะเกิดมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างแน่นอน

นายเลอศักดิ์ ผู้พบเห็นหินประหลาดเป็นคนแรกกล่าวว่า


เวลา 10.00 น. วันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา เข้าไปวางลอบจับปูบริเวณดังกล่าวตามปกติ และบังเอิญได้สังเกตเห็นแสงแวววาวมาจากใต้ต้นไม้ เมื่อเข้าไปจับดูก็รู้ว่าเป็นหินที่มีสีขาวขุ่น คล้ายกับสารส้ม และลอยน้ำอยู่จึงรู้สึกแปลกใจ แต่ไม่กล้าที่จะดูนานๆ และรีบเดินทางกลับบ้าน แต่ยังสงสัยว่าเป็นหินอะไร จึงเดินทางเข้าไปดูอีกครั้งในวันที่ 24 ส.ค.ซึ่งในครั้งนี้ก็พบว่ามีงูจงอางตัวใหญ่ ขนาดยาวประมาณ 4 เมตร เลื้อยอยู่รอบๆ แต่สีและรูปร่างของก้อนหินยังคงเหมือนกับก่อนหน้านี้คือ มีลักษณะสีขาวขุ่น คล้ายกับสารส้ม จากนั้นตนตัดสินใจชวนพ่อ แม่ และพี่ชายเข้าไปดู พบว่ายังคงตั้งอยู่เหมือนเดิม แต่จากที่ตนเคยเห็นเป็นสีขาวขุ่น คล้ายกับสารส้ม กลับกลายเป็นสีของหินตามปกติที่เป็นอยู่ในขณะนี้ และเมื่อกระทบแสงไฟจะมีสีสันคล้ายกับสายรุ้ง จึงตัดสินใจใช้มีดพร้าฟันลงไปที่หินประหลาดก้อนนี้ เพื่อนำบางส่วนกลับมาให้เพื่อนบ้านได้ดูกัน ซึ่งขณะที่ตัดพบว่ามีความแข็งเหมือนหินทั่วไป และต้องใช้แรงเยอะกว่าจะทำได้สำเร็จ ดังนั้น คิดว่าหินก้อนนี้น่าจะเป็นหินพิเศษตกลงมาจากท้องฟ้า โดยตนนำเศษก้อนหินส่วนหนึ่งมาเก็บไว้ที่บ้านเพื่อให้ผู้คนมาดู

นายพาณิชย์ มีเล็ก ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 4 บ้านเกาะเคี่ยม กล่าวว่า


ตนให้นำหินประหลาดก้อนใหญ่มาลอยเอาไว้ภายในน้ำหน้าหมู่บ้าน และใช้เชือกผูกเอาไว้กับสะพาน เพื่อให้ชาวบ้านมาดูว่ามีก้อนหินที่สามารถลอยน้ำได้จริงๆ พร้อมทั้งได้ให้นายอภินันท์ ภิรมณ์น้อย อดีตอบต.กันตัง ใต้ ประสานไปยังสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้มาตรวจสอบแล้วว่าเป็นก้อนหินชนิดใดและมาจากที่ใดกันแน่

แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์