“ เมื่อไม่มีไฟฟ้า เครื่องอำนวยความสะดวก ทีวี พัดลม ตู้เย็น หม้อหุงข้าวไฟฟ้า พวกเขาไม่เคยสัมผัส ในหมู่บ้านชุมชนนี้ มีทีวีสีขนาด 14 นิ้วอยู่เครื่องเดียว เวลาจะใช้ต้องปั่นไฟฟ้าด้วยรถไถนา
ชมข่าวสาร ความบันเทิง ต้องดูรวมกันเพียงเครื่องเดียว ช่องเดียวเหมือนมีมหรสพอะไร และจำกัดเวลาไม่อิสระ เคยนำชาวบ้านร้องเรียนอำเภอกบินทร์บุรี ร้องเรียนองค์การบริหารส่วนตำบลบ่อทอง(อบต.) และสำนักนายกรัฐมนตรีในปี 2549 แต่ไม่เป็นผลแต่อย่างใด สิ่งที่จะสะท้อนปัญหานี้มีเพียงสื่อมวลชนเท่านั้น”นายไพรัตน์ กล่าวในที่สุด
ด้านนางระเบียบ จ้อยสกุล อายุ 52 ปี เลขที่ 24/ 1 หมู่ 4 ต.บ่อทอง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า “ บิดาคือนายเลื่อน จ้อยสกุลมีลูกรวม 10 คน และทั้ง 21 ครอบครัว ล้วนเป็นลูกหลานเข้ามาถือครองที่ดินดังกล่าวมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2501 ภายหลังปี 2517–2518 ทางราชการได้ประกาศเป็นที่สาธารณะ ทั้ง ๆ ที่ตลอดเวลานั้นบิดามีเอกสารคือหนังสือ ภบท.6 เลขที่สำรวจ182มีชื่อนายเลื่อน จ้อยสกุล เป็นเจ้าของที่ดินมอบไว้เป็นหลักฐาน
โดยตลอดช่วงระยะเวลาได้เสียภาษีดอกหญ้าให้แก่ทางราชการโดยตลอด
“สิ่งที่ต้องการให้ลูกหลานรุ่นหลังในปัจจุบันคือให้เขาได้มีไฟฟ้าใช้ เพราะทุกวันนี้ลูกหลานที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมจะพากันไปเช่าบ้านที่ด้านนอกในเมืองเขต อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เนื่องจากที่บ้านไม่มีไฟฟ้าเวลาไปทำงานต้องชุดเรียบร้อย หรือต้องใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ต้องฝากลูก ๆ หลานให้ตายายเลี้ยงทั้ง ๆ ที่อยู่เขตพื้นที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรีแท้ ๆ ทำให้ครอบครัวไม่อบอุ่น สิ่งที่ตลอดชีวิตต้องการนี้คือไฟฟ้า”นางระเบียบกล่าวในที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมชีวิตชาวชุมชนหนองกอก ดำรงชีวิตแบบเรียบง่ายต่างจากในเมืองหรือเขตอุตสาหกรรม เวลารับประทานอาหารจะรวมกันกินอยู่แบบครอบครัวใหญ่แบ่งปันมีน้ำใจ ทีวี.ที่ดูข่าว – บันเทิงมีเครื่องเดียวที่บ้านนายณรงค์ ศิริล้น อายุ 48 ปี ที่ใช้ปั่นไฟฟ้าโดยรถไถเดินตามโดยปั่นไฟฟ้าเฉพาะดูทีวีช่วงเวลา 18.00 – 22.00 น. อาชีพหลักส่วนใหญ่ทำไร่ / ทำนา รับจ้างทั่วไป จากที่มืดมาต้องดับตะเกียงนอนแต่หัวค่ำจึงไม่แปลกที่ชุมชนหนองกอกต้องมีลูกมากถึง 21 ครอบครัว ประชากรกว่า 71 คน ขอใครไม่ได้ชาวบ้านบอกว่าขอนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะสงสารพวกเขาคนไทยด้วยกันด้วย