สะสมสยอง-หมวกกันน็อคเจ้าของตาย

"ที่ระยองเพื่อนบ้านนอนผวาหมาหอน"

สะสมสยอง-หมวกกันน็อคเจ้าของตาย



เมื่อวันที่ 31 ก.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ระยอง ว่า มีคนชอบหมวกกันน็อกที่เจ้าของเกิดอุบัติเหตุจนเสียชีวิตบนท้องถนนมาสะสมไว้ภายในบ้าน โดยจะวางไว้ตามรั้วบ้าน จึงเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 37/22 หมู่ 3 ต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง พบว่า มีการนำหมวกกันน็อกหลากสี หลากรุ่นหลายแบบ มาวางไว้บนรั้วรอบบ้าน แต่เมื่อมองไปที่หมวกกันน็อกที่วางเรียงอยู่นั้น มีสภาพหลากหลาย บางรายก็ยังพอใช้งานได้ แต่ส่วนใหญ่ล้วนแต่มีร่องรอยแตก ไม่มีหน้ากากพลาสติก และมีรอยถลอกเกือบทุกใบ บางใบมีคราบคล้ายเลือดติดอยู่ภายในหมวก

"คอขาดกระเด็น"


นายสมพงษ์ จันทร์รักษา อายุ 46 ปี ช่างซ่อมเครื่องยนต์ เจ้าของบ้าน และผู้สะสมหมวกกันน็อก เปิดเผยว่า หมวกดังกล่าวตนเก็บมาสะสมไว้เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา โดยเริ่มจากขี่รถจักรยานยนต์ไปทำงาน ระหว่างทางพบอุบัติเหตุ รถยนต์ชนกับจักรยานยนต์เป็นเหตุให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์คอขาดกระเด็นไปต่อหน้าต่อตาของตนเอง ซึ่งเป็นภาพที่ติดตามาตลอด

จนกระทั่งต่อมาพบอุบัติเหตุอีกหลายครั้ง โดยส่วนใหญ่จะเหลือร่องรอยให้เห็นเพียงเศษหมวกกันน็อกที่แตกบ้าง ถลอกบ้าง ตกกระเด็นอยู่ข้างทาง จึงเกิดความคิดว่าถ้าเก็บมาให้คนที่ประมาทดูก็คงจะทำให้ช่วยเตือนสติได้บ้าง แต่เมื่อภรรยาและลูกทราบถึงที่มาของหมวกต่างก็กลัว ไม่อยากให้ตนเก็บมาไว้ภายในบ้าน ก็ได้อธิบายให้ฟังจนเข้าใจ แต่ก็ยังกลัวอยู่ดี จากนั้นจึงเริ่มเก็บหมวกกันน็อกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ทำบุญ- สองตลกดัง "โอเลี้ยง" และ "สิทธิชัย หย่อน" รุดถวายสังฆทานและทำบุญกรวดน้ำอุทิศบริเวณสะพานผีสิง ข้างคลองข้างวัดทับมา ม.1 ต.ทับมา อ.เมืองระยอง ล่าสุด อบต.รื้อแคมป์คนงานออกแล้ว

"เจอหมวกกันน๊อค ก็เก็บมา"


นายสมพงษ์กล่าวว่า หลังจากสะสมเก็บมาได้ระยะหนึ่ง สังเกตเห็นว่าหมวกกันน็อกที่แตกจากอุบัติเหตุส่วนใหญ่จะไม่ได้รับการรับรองมาตรฐาน หรือมอก. ซึ่งตนจะไม่ได้ตระเวนเก็บ แต่มักจะพบอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนน โดยเฉพาะบริเวณถนนสาย 331 หลักกิโลฯ 10 ถนนสุขุมวิท ที่ต้องขี่รถไปทำงานเป็นประจำจะขอหมวกกันน็อกจากเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมาเก็บไว้ หรือบางครั้งหลังเกิดอุบัติเหตุเมื่อเจ้าหน้าที่เก็บศพคนตายไปแล้วก็จะมีร่องรอยของสเปรย์สีขาวพ่นไว้ เมื่อมองไปข้างทางก็จะพบหมวกกันน็อกของผู้ที่เสียชีวิตถูกทิ้งไว้ใกล้กับที่เกิดเหตุเป็นประจำก็จะเก็บมา

"บางครั้งก็จะมีคนนำมาให้สะสม แต่ผมจะต้องซักประวัติให้ละเอียดว่า ต้องเป็นหมวกที่คนสวมตายจึงจะยอมนำมาสะสม จนปัจจุบันมีหมวกกันน็อกทั้งหมด 149 ใบ แต่ละใบล้วนอธิบายถึงที่มาได้ ส่วนเรื่องกลัวนั้นไม่เคยคิดกลัว และก็ไม่เคยเห็นวิญญาณของเจ้าของหมวก จะมีก็แต่เพื่อนบ้านในหมู่บ้าน ต่างก็มักจะพบกับเหตุการณ์ประหลาดเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเงาบ้าง เสียงหมาหอน และล่าสุดนายสุรพล กรงทอง อายุ 22 ปี เพื่อนบ้านอีกราย ที่พบเห็นแสงประหลาดออกมาจากข้างรั้วที่วางหมวกกันน็อกสยองขวัญทำให้ผวาไปตามกัน แต่ตนเชื่อว่าคงเป็นเหตุบังเอิญ แต่ก็ไม่ได้ลบหลู่ จะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ผู้ตายที่เป็นเจ้าของหมวกทุกเช้า" นายสมพงษ์กล่าว

"มีคนแอบเอาไป สุดท้ายก็เอามาคืนทุกราย"


นอกจากนี้ยังมีการนำเอารถจักรยานยนต์เก่ามาจอดไว้ที่หน้าบ้าน พร้อมทั้งทำหุ่นเป็นผู้ใหญ่และเด็กนั่งซ้อนท้าย ที่สวมหมวกกันน็อกทั้งคู่ เพื่อเตือนสติว่าก่อนขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านไปทำงานต้องสวมหมวกกันน็อก และต้องเป็นหมวกที่มีมาตรฐานผ่านการรับรองคุณภาพ เพราะหมวกกันน็อกส่วนใหญ่ที่เก็บมาไม่ได้คุณภาพ และบางครั้งเมื่อสวมใส่ก็ควรล็อกให้แน่นหนา เพื่อความปลอดภัย ซึ่งตนเองก็จะเก็บสะสมหมวกกันน็อกคนตายต่อไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เพราะมันจะมีความสุขครั้งที่ได้หมวกใบใหม่มาเก็บไว้ และยังเคยมีคนมาแอบเอาไป แต่สุดท้ายต้องนำมาคืนทุกราย

ด้านนางมาลี เพ็งปอพราน อายุ 65 ปี เพื่อนบ้านที่มีรั้วติดกัน กล่าวว่า รู้สึกกลัวมาก โดยเฉพาะในช่วงที่เก็บหมวกกันน็อกมาใหม่ๆ ในคืนแรกๆ จะได้ยินเสียงสุนัขหอนตลอดคืน จนบุตรหลานในหมู่บ้านต่างคิดว่าคงเป็นวิญญาณของเจ้าของหมวกมาหาหมวกอย่างแน่นอน จนทำให้ผวาไปทั้งหมู่บ้าน และบางคนจะเห็นเงาบ้าง ได้ยินเสียงบ้าง แต่ก็ไม่ได้ห้าม เพราะถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ก็ต้องการให้นายสมพงษ์เลิกเก็บหมวกเสียที เพราะที่มีอยู่ก็มีมากแล้วจนวางไว้เต็มรั้วบ้านแล้ว ไม่ต้องเก็บมาเพิ่มอีกก็ได้


"มีคนผูกคอตายมาแล้ว 2 คน"

สะสมสยอง-หมวกกันน็อคเจ้าของตาย


ส่วนกรณีชาวบ้านร่ำลือว่ามีวิญญาณผีเฮี้ยนเขย่าขวัญคนงานก่อสร้างสะพานข้างคลองข้างวัดทับมา หมู่ 1 ต.ทับมา อ.เมือง จ.ระยอง เป็นเหตุให้ชาวบ้านต่างหวาดผวา โดยเฉพาะคนงานก่อสร้างที่มาสร้างแคมป์คนงานไว้ใต้ต้นไทรย้อยหัวสะพาน ซึ่งบนต้นไทรย้อยนั้นมีคนผูกคอตายมาแล้ว 2 คน โดนผีหลอกเผ่นกระจาย ไปจนทิ้งงานชะงักอุปกรณ์เสาเข็มยังคงกองเรียงราย

เนื่องจากวิญญาณเฮี้ยนหลอกหลอนจนไม่สามารถนอนค้างได้ นอกจากชาวบ้านแล้วยังมีดาวตลกชื่อดัง นายสมพงษ์ ไกรธีรางกูร หรือโอเลี้ยง สภาโจ๊ก นายณัฐวัชร ชูชื่น หรือสุทธิชัย หย่อน สภาโจ๊ก นายสามารถ แสงเสงี่ยม หรือสุเทพ สภาโจ๊ก ที่ไปเล่นตลกที่ระยอง ทราบข่าว จึงเดินทางมาดูและร่วมพิสูจน์วิญญาณเฮี้ยนร่วมกับชาวบ้านด้วย ตามข่าวที่เสนอไปแล้ว


"วิญญาณเฮี้ยน"


ล่าสุด วันเดียวกัน เวลา 14.00 น. นายมานิตย์ คาดหมายดี นายกอบต.ทับมา เปิดเผยว่า การสร้างสะพานนั้นสัญญาก่อสร้าง 3 เดือนงบประมาณ 1.6 ล้านบาท มีบริษัทรับเหมามาทำสัญญาก่อสร้าง พร้อมกับเทถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก แต่ถนนได้เทเสร็จแล้ว ส่วนสะพานนั้นผู้รับเหมาทิ้งงานหลังจากทำได้เพียง 15 วัน ทางผู้รับเหมาบอกจะนำคนงานชุดใหม่มาทำ แต่ก็ไม่สำเร็จจนทิ้งงานมากว่า 1 เดือนแล้ว และทางตนก็แจ้งหนังสือเตือนไป 2 ครั้งแล้ว จนต้องเรียกคณะบริหารประชุมเพื่อหาผู้รับเหมามาทำต่อให้แล้วเสร็จ สำหรับสาเหตุการชะงักนั้นตนไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นรู้เพียงว่าหาคนงานทำไม่ได้

นายก อบต.ทับมากล่าวต่อว่า ผู้รับเหมารายใหม่นั้นตนจะต้องให้ทำพิธีเซ่นไหว้เจ้าที่เจ้าทางให้เรียบร้อย จะไม่ได้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นอีก สำหรับจุดดังกล่าวนั้นแต่เดิมเป็นสะพานไม้เก่าแก่อายุกว่า 50 ปี และมีสภาพเสื่อมโทรม ปล่อยไว้อาจจะเป็นอันตรายต่อประชาชนได้ เพราะต้องใช้สะพานดังกล่าวข้ามมาทำบุญที่วัด ตนจึงตั้งงบประมาณสร้างเป็นสะพานคอนกรีตขึ้นมา ส่วนวิญณาณเฮี้ยนนั้นตนก็ไม่อยากลบหลู่ แต่เคยรู้ว่ามีคนผูกคอตาย 2 ศพจริงๆ หลังเกิดข่าวขึ้นทางตนได้รับโทรศัพท์จากทางเจ้าอาวาสวัดทับมาให้จัดคนงานมารื้อแคมป์ดังกล่าวออกไปจากโคนต้นไทร และนำมาเก็บไว้ที่ อบต.แล้ว


"นำผ้าสามสีมาผูกที่ต้นไทร"


เวลา 17.30 น.วันเดียวกัน นายสมพงษ์ ไกรธีรางกูร หรือโอเลี้ยง จากรายการคนหัวหมอ นายนัฐวัชร ชูชื่น หรือสิทธิชัย หย่อน สองตลกคู่หูคู่ฮา หลังจากที่เดินทางมาแสดงตลกที่ระยองแล้วแวะไปพิสูจน์ตามที่เป็นข่าว หลังจากนั้นเดินทางกลับกรุงเทพฯ ก่อนจะกลับมาพร้อมกับเครื่องสังฆทานดอกไม้ธูปเทียน ผ้าสามสี เพื่อนำมาผูกรอบต้นไทรที่มีคนผูกคอตาย หลังจากนั้นก็ถวายสังฆทานกรวดน้ำอุทิศให้ดวงวิญญาณที่ล่องลอยอยู่บริเวณดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สะพานที่สร้างนั้นเมื่อข้ามวัดไปจะเป็นหมู่ 1 และอยู่ฝั่งวัดจะเป็นหมู่ 5 สะพานดังกล่าวเมื่อสร้างเสร็จแล้วประชาชนจะต้องขับรถวิ่งผ่านข้างวัดและผ่านหน้าเมรุ โดยชาวบ้านเรียกว่าสะพานผีข้าม ส่วนศพที่ผูกคอตายนั้นศพแรกเป็นพระที่วัด ส่วนศพที่ 2 เป็นคนงานก่อสร้าง และเชือกที่ผูกก็ยังแขวนโตงเตงอยู่เพิ่งจะขาดตกไปเมื่อไม่นานนี้


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์