เลาะรั้วดูคุกไฮเทค ไอเดียเข้มราชทัณฑ์ ขังนักค้ายา-คดีอุกฉกรรจ์


ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีข่าวไม่ดีเล็ดลอดออกมาจากคุกหรือในเรือนจำอยู่บ่อยครั้ง

ไม่ว่าจะเป็นนักโทษแอบใช้โทรศัพท์สั่งการให้พรรคพวกที่อยู่ข้างนอกกระทำความผิด การลักลอบนำสิ่งผิดกฎหมายเข้าไปในคุก ไปจนถึงการแอบนำอาวุธและยาเสพติดเข้าไปในเรือนจำ โดยฝีมือนักโทษและญาติผู้ต้องขังหรือในบางครั้งเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เองก็ตกเป็นจำเลยถูกกล่าวหาว่าสมรู้ร่วมคิดช่วยสนับสนุนในการทำความผิดนั้นๆ เนื่องจากไม่น่าจะมีใครนำสิ่งของต้องห้ามเข้าไปในเรือนจำได้ ถ้าไม่ใช่พฤติกรรมนอกรีตของเจ้าหน้าที่บางคน

เลยทำให้นักโทษในเรือนจำมีโอกาสทำความผิดซ้ำซาก!?!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักโทษคดีอุกฉกรรจ์หรือคดียาเสพติดที่ถูกควบคุมขัง หากมีช่องทางในกระทำความผิดซ้ำก็จะยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ เหตุ ผลที่กล่าวมาจึงทำให้กรมราชทัณฑ์ เล็งเห็น ความสำคัญในการเข้มงวดตามสถานที่คุมขัง เพื่อให้เกิดความปลอดภัย เพราะลำพังมัวแต่จะตั้งรับคงไม่สามารถสกัดกั้นสารพัดวิธีในการกระทำความผิดได้

ไอเดีย "คุกไฮเทค" จึงคิดไว้เพื่อสกัดกั้น!!



ไอเดีย "คุกไฮเทค" เป็นแนวคิดของนายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ที่เล็งเห็นความสำคัญของปัญหาการกระทำผิดซ้ำซากในเรือนจำ จึงออกแนวคิดในการทำ "คุกไฮเทค" เอาไว้สำหรับควบคุมขังนักโทษคดียาเสพติดและคดีอุกฉกรรจ์ เริ่มทำที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง เรือนจำกลางคลองเปรม ในส่วนควบคุมพิเศษภายในแดน 8, 9, 10 เป็นโครงการนำร่อง ก่อนจะขยายไปยังเรือนจำอื่นๆ ต่อไป


โดยแดนคุมขังพิเศษนั้น จะใช้ควบคุมขังนักโทษคดียาเสพติดที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการสั่งซื้อขายยาเสพติดจากในเรือนจำโดยผู้คุมจะดูแลนักโทษผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อันทันสมัย ประกอบด้วย ระบบปลดล็อกประตูด้วยไฟฟ้า เครื่องเอกซเรย์ เครื่องตรวจโลหะชนิดเดินผ่าน เครื่องตรวจโลหะแบบมือถือ กล้องงูใช้สำหรับตรวจค้นสิ่งของต้องห้ามที่ซุกซ่อนมากับหนังสือและพัสดุ รวมถึงกล้องวงจรปิด และมีการตรวจค้นรอบบริเวณแดนคุมขังด้วยเครื่องตรวจโลหะ รวมถึงการจู่โจมตรวจค้นในเรือนนอนทุกคืนเพื่อปิดโอกาสไม่ให้นักโทษลักลอบใช้โทรศัพท์มือถือในนั้นได้

ทั้งหมดจึงถูกบูรณาการขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งอุปกรณ์สำคัญ คือเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ เครื่องสแกนร่างกายที่ใช้ตรวจหายาไอซ์ ที่นักโทษนิยมซุกซ่อนมาในอวัยวะและสิ่งของอื่นๆ ทั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการจัดระเบียบนักโทษให้สามารถ ควบคุมได้ง่ายขึ้น

ให้เซียนขนาดไหนก็รอดอุปกรณ์ไฮเทคเหล่านี้ไปได้ยาก

สำหรับการคัดกรองนักโทษเข้าสู่แดนควบคุมพิเศษ ในส่วนของนักโทษแรกรับ จะมีกรรมการจากป.ป.ส. กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าร่วมวิเคราะห์ประวัติและพฤติกรรมทั้งก่อนและหลังถูกจับกุมตัวส่งเข้าเรือนจำ ซึ่งรุ่นนี้มีนักโทษรายสำคัญถูกควบคุมแล้วประมาณ 400 ราย โดยหลังจากคุมขังในแดนควบคุมพิเศษเป็นเวลา 1 ปี จะมีการประเมินพฤติกรรม หากพบว่านักโทษปรับปรุงตัวดีขึ้น จะอนุญาตให้ย้ายไปคุมขังในแดนปกติ หรืออนุญาตให้ย้ายไปคุมขังในเรือนจำอื่นได้


ใครกระทำผิดซ้ำซากหรือก่อคดีอุกฉกรรจ์จะถูกนำมาขังสับเปลี่ยนกันไป



โครงการ "คุกไฮเทค" เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา มี นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รมว.ยุติธรรม เดินทางมาเยี่ยมชมด้วยตนเอง โดยมี นายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ นายสรสิทธิ์ จงเจริญ ผอ. ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางพร้อมคณะเจ้าหน้าที่คอยให้การต้อนรับ

หลังจากดูงานครั้งนี้ นายสมศักดิ์ถึงกับเอ่ยปากว่าจะรีบสนับสนุนหาวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่จะใช้ในแดนควบคุมพิเศษให้พร้อมกว่านี้

โดยเฉพาะเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์และเครื่องสแกนร่างกายที่ใช้ตรวจหายาไอซ์ ราคาเครื่องละ 8 ล้านบาท นายสมศักดิ์บอกจะของบประมาณมาจัดซื้อเพราะมีประ โยชน์กับเจ้าหน้าที่

ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ จะได้หาเพิ่มต่อไป

นายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า มั่นใจว่าแดนควบคุมพิเศษ จะใช้จัดการกับขบวนการลักลอบสั่งซื้อขายยาเสพติดจากในเรือนจำได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากไม่มีแดนดังกล่าวการทำงานต้องกระจายทั้งเจ้าหน้าที่ และเครื่องมือ และต้องคัดเลือกเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ด้านการควบคุมที่มีความซื่อสัตย์ เมื่อนำนักโทษที่มีอิทธิพลและเป็นเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญมารวมไว้ที่เดียว จะทำให้ง่ายต่อการควบคุมที่เข้มงวด เนื่องจากในแดนควบคุมพิเศษ จะไม่อนุญาตให้ส่งพัสดุภัณฑ์จากภายนอกเข้ามาโดยเด็ดขาด และไม่มีการฝึกวิชาชีพ ทำให้ไม่ต้องมีการขนย้ายวัสดุที่ใช้ฝึกอาชีพเข้ามาในแดนควบคุมพิเศษ อย่างไรก็ตาม ระบบดังกล่าวมีข้อยกเว้นสำหรับกรณีการล่อซื้อยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ หรือการให้การเท็จซัดทอดถึงนักโทษที่ไม่มีตัวตนอยู่จริง



ถึงแม้เจ้าหน้าที่จะพยายามเข้มงวดในการตรวจค้นและสกัดกั้นสิ่งของต้องห้ามเหล่านี้ แต่ก็ยังมีการแอบลักลอบนำเข้าไปจนได้ อย่างเช่นเมื่อเร็วๆ นี้ นายสรสิทธิ์ จงเจริญ ผอ.ทัณฑ สถานบำบัดพิเศษกลาง นำกำลังเจ้าหน้าที่บุกจู่โจมเข้าตรวจค้นแบบสายฟ้าแลบ สามารถยึดของกลางต่างๆ ได้มากมายหลายรายการ ประกอบด้วย โทรศัพท์ 217 เครื่อง ยาบ้า 2 เม็ด ยาไอซ์ 6 หลอด หรือ 29 ซอง บช.ปส.สามารถขยายผลจับกุมผู้ต้องหาได้ 13 คน 7 เครือข่าย และนอกจากนี้ ยังขยายผลไปถึงเจ้าหน้าที่บางนายที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งได้ถูกลงโทษขั้นเด็ดขาดไปเรียบร้อยแล้ว

นอกจากเครื่องไม้เครื่องมือที่ต้องใช้แบบทันสมัย

เรื่องของ "คน" ก็ต้องทำให้มีความโปร่ง ใส!??

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์