แม่วิ่งโร่พบตร.ให้ช่วยตามลูกชายวัย 16 กลับบ้าน หลังจากลูกหนีไปหมกตัวอยู่ในตำหนักร่างทรงแห่งหนึ่งในเมืองอ่างทอง จนถูกตัดสิทธิสอบ เสียการเรียน แฉกลัวลูกชายหลงใหลลัทธิพิลึก
เพราะในระยะหลังลูกมีอาการเปลี่ยนไป บอกหากกลับไปอยู่บ้านเทพเจ้าจะทำให้ตาย เลยหมกตัวอยู่ในตำหนักร่างทรงแรมเดือน ด้านตร.บุกตรวจสอบไม่พบความผิด จึงทำอะไรไม่ได้ เพราะเจ้าของตำหนักร่างทรง ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย แต่ชาวบ้านยังสงสัย เพราะในแต่ละวันมีวัยรุ่นแวะเวียนเข้าไปจำนวนมาก
เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ร.ต.ท.จีรโชติ กันทะเนตร ร้อยเวร สภ.เมืองอ่างทอง รับแจ้งจากนางมลฤดี อายุ 45 ปี บ้านอยู่ในอ.เมือง จ.อ่างทอง ว่า ลูกชายชื่อนายสมชาย (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ได้หลบหนีออกจากบ้านพักไปอาศัยมั่วสุมและทำกิจกรรมอยู่ที่ตำหนักทรงแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในซอยสมคิดปั้นจั่น ต.ตลาดหลวง เขตเทศบาลเมืองอ่างทอง เกรงว่าจะถูกล้างสมองให้งมงายในลัทธิเกี่ยวกับไสยเวท หลังรับแจ้งจึงประสานตำรวจสายตรวจรุดไปตรวจสอบ
พอไปถึงพบสถานที่ดังกล่าวตั้งเป็นตึกแถว 2 ชั้น เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอตรวจสอบ พบนางดาวเรือง เกียรตินิยมกิจ บ้านเดิมอยู่เลขที่ 30/27 หมู่ 5 ต.หัวรอ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนคร ศรีอยุธยา แสดงตัวเป็นผู้เช่าตึกดังกล่าวและอ้างว่าเป็นร่างทรงเทพเจ้าองค์หนึ่งในศาสนาฮินดูจึงกันตัวไว้สอบสวน
ส่วนนายสมชาย เจ้าหน้าที่พบว่าจับกลุ่มกับเพื่อนๆ 6-7 คน พักอาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนั้น โดยนางมลฤดีพยายามเกลี้ยกล่อมให้ลูกกลับบ้าน แต่นายสมชายยืนกรานไม่ยอมกลับ หากกลับไปจะฆ่าตัวตาย ซึ่งนายสมชายมีอาการคล้ายคนเสียสติ ร้องไห้และส่งเสียงกรีดร้องเป็นระยะๆ จนตำรวจต้องพาไประงับสติอารมณ์ที่โรงพักเพื่อให้หายดีก่อนส่งกลับ
จากการสอบปากคำนางดาวเรือง ให้การว่า ก่อนหน้านี้นายสมชายมาพบ เพื่อให้ดูว่าดวงชะตาจะเป็นเช่นใด ตนจึงบอกไปว่ามีองค์เทพเจ้าแฝงอยู่ น่าจะนำพาให้สุขสมบูรณ์ แต่ต้องหมั่นปฏิบัติ พอรุ่งขึ้นอีกวันนายสมชายก็มาอยู่ด้วย และไม่ยอมกลับบ้าน ตนให้กลับก็ไม่กลับ โดยบอกว่ารักตนและอยากอยู่กับตน หากจากไปคงฆ่าตัวตาย