ได้เค้าแล้ว 2 ราย ฆ่าวิตถาร สาว 14

ความคืบหน้าคดีสะเทือนขวัญ ด.ญ.วิชุดา หรือแนน โพธิ์ทอง วัย 14 ปี ถูกคนร้ายฆ่าหมกศพทิ้งไว้ในท้องร่อง ซอยสวนผัก 29 ย่านตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งจากการตรวจพิสูจน์ศพของแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช ระบุว่าเด็กหญิงผู้เคราะห์ร้ายถูกทุบตีทรมานและข่มขืนทางทวารหนักอย่างทารุณก่อนสิ้นใจ เบื้องต้นตำรวจ สน.ตลิ่งชัน เจ้าของท้องที่เชื่อว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนในละแวกที่เกิดเหตุ โดยพุ่งเป้าไปที่กลุ่มชายฉกรรจ์ที่ตั้งวงดื่มสุรา ในบริเวณที่พบศพ โดยล่าสุดได้นำผู้ต้องสงสัยอายุระหว่าง 25-30 ปี ไปสอบปากคำเครียด พร้อมเจาะเลือดไปตรวจดีเอ็นเอ เพื่อเปรียบเทียบกับเชื้ออสุจิที่พบในตัวผู้ตาย

ต่อมาเมื่อเวลา 12.00 น. วานนี้ (16 เม.ย.) พ.ต.ท.เสน่ห์ เสถียรพงศ์ สว.สส.สน.ตลิ่งชัน ได้ประสานไปทางมูลนิธิร่วมกตัญญูขอความร่วมมือนำเครื่องสูบน้ำไปสูบน้ำออกจากท้องร่องตรงจุดเกิดเหตุ เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม โดยมีญาติของเด็กหญิงเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายไปเฝ้าดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างใกล้ชิด

นางรัตนา ธงศรี อายุ 29 ปี น้าสาวของ ด.ญ.วิชุดา หรือน้องแนน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตอนที่ไปรับศพน้องแนนที่โรงพยาบาลศิริราช เห็นสภาพศพของหลานสาวที่ลืมตาโพลงและเม้มปากแน่นแล้ว ทำให้เกิดความรู้สึกว่าน้องแนนคงโกรธแค้นคนร้ายที่ทำร้ายเธอมาก เพราะกว่าที่ญาติๆจะลูบเปลือกตาให้ปิดลงได้ต้องเสียเวลาอยู่นาน ถึงขนาดต้องจุดธูปบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวตำรวจก็จับคนร้ายได้ เปลือกตาของน้องแนนถึงปิดลงได้

ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การติดตามล่าตัวคนร้ายจิตวิตถารรายนี้ เริ่มกระชับงวดเข้าเรื่อยๆ หลังจากตำรวจได้หลักฐานสำคัญคือรองเท้าแตะยี่ห้อแอ็ดด้า ข้างขวาสีฟ้า มีคราบสีกันสนิมและผงปูนติดอยู่ เพราะในละแวกที่เกิดเหตุมีการก่อสร้างที่อยู่ในระหว่างเทปูนและทาสีกันสนิมอยู่ 3 แห่ง เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ตลิ่งชันจึงเจาะลึกเข้าไปหาข้อมูลจากสถานที่ก่อสร้างทั้ง 3 แห่งดังกล่าว เพื่อหาตัวผู้ต้องสงสัย ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ล่าสุดมีผู้อยู่ในข่ายตกเป็นผู้ต้องสงสัย 2 ราย รายแรกเป็นคนงานก่อสร้างอายุประมาณ 26 ปี ที่รู้จักกับผู้ตาย พยายามเข้ามาตีสนิทแต่ถูกน้องแนนไล่ตะเพิดไปเมื่อวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา ส่วนอีกรายเป็นอดีตนักโทษคดีปล้นฆ่าปาดคอ อายุประมาณ 40 ปีเศษ มีบ้านอยู่ในละแวกใกล้เคียงกับน้องแนน และรู้จักกับครอบครัวของผู้ตายเป็นอย่างดี หลังเกิดเหตุได้หายออกไปจากบ้านโดยไร้ร่องรอย