คุมเข้มแก๊งโจรลักตะแกรงเผาผี
ปัญหาตะแกรงเหล็กรองกระดูกผี ในป่าช้าป่าสักฯ ยังมีปัญหาหลังโจรลักลอบเข้าไปขโมย ล่าสุดต้องให้ผู้มีอาคมทำพิธีนำมาใส่คืน เผยต้องใช้ปูนชนิดพิเศษอัดทับเข้าไป เกรงจะโดนขโมยซ้ำ ด้านผู้นำหมู่บ้านสั่งลูกบ้านตระเวนตรวจสอบป่าช้าทั้งกลางวันและกลางคืนเกรงจะโดนลักขโมยอีก
จากกรณีเมื่อวันที่ 30 ก.ค.2550 ที่ผ่านมาตะแกรงรองกระดูกผี ของป่าช้าป่าสัก ของบ้านหลักปัน หมู่ 5 ต.สันนาเม็ง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ได้หายออกไปจากป่าช้าสร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านที่จะนำศพมาเผาตามประเพณี เป็นอย่างยิ่ง จนไม่สามารถจะนำศพขึ้นไปเผาบนเมรุที่สร้างใหม่ได้ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเชียงใหม่มีหลายป่าช้าที่ถุกขโมยตะแกรงผีไป ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องระดมกำลังกันออกติดตามล่าตัว จนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.สันทราย ได้ติดตามจับกุมแก็งขโมยตะแกรงเหล็กยกแก็ง แต่ทั้งหมดปฎิเสธไม่เคยขโมยตะแกรงผีเพราะถือว่าเป็นสิ่งที่น่ากลัว ส่วนทางฝ่ายที่สร้างจตุคามรามเทพ และเครื่องรางของขลังต่างดาหน้าออกมาโต้ว่าไม่มีใครเอามาทำเป็นมวลสารอย่างแน่นอนเพราะถือว่าเป็นสิ่งอัปมงคลตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้ว
ข่าว ความคืบหน้าในเรื่องนี้ทาง ป่าช้าป่าสัก อ.สันนาเม็ง จ.เชียงใหม่ ยังไม่สามารถดำเนินการเผาศพในเมรุได้ต้องนำศพมาเผากลางลานเมรุเผาเดิมแบบโบราณโดยจะส่งผลมลพิษแก่เมืองเชียงใหม่ เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 30 ส.ค.2550 นายนันทพล พงศธรวิสุทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสันนาเม็ง ได้เปิดเผยว่าในขณะนี้ได้สั่งตะแกรงเหล็กที่จะนำมาแทนตะแกรงเหล็กที่หายไป โดยสั่งซื้อที่ จ.อ่างทอง เพราะเป็นแหล่งผลิตเหล็กหล่อที่ทนความร้อนได้เดินทางมาถึงแล้ว โดยได้นำไปทดลองใส่ดูในเมรุที่ตะแกรงเหล็กหายไปแต่ยังมีปัญหาเนื่องจากการที่จะนำตะแกรงเหล็กไปใส่ไว้ที่เดิมทางชาวบ้านได้ท้วงมาว่าจะต้องเป็นคนที่มีวิชาอาคมมาร่วมประกอบพิธี หากเป็นคนรับก่อสร้างธรรมดามักไม่กล้าจะรับงานนี้เพราะเป็นที่เผาศพมาหลายศพแล้ว ดังนั้นในขณะนี้จึงต้องหาช่างที่มีประสบการณ์ทางด้านนี้มาทำ
นายนันทพล ได้เปิดเผยถึงการป้องกันไม่ให้มีการเข้าไปขโมยซ้ำว่าในการทำตะแกรงเหล็กอันใหม่ขึ้นมาต้องใช้ปูนพิเศษเข้าอัดติดไว้แน่นไม่ให้มีการนำออกไปได้ง่ายๆในขณะนี้ป่าช้าในพื้นที่รับผิดชอบของ อบต.สันนาเม็ง มีอยู่จำนวน 5 แห่ง แต่การสร้างแบบเมรุมีตะแกรงเผายังมีแห่งเดียวอยู่ อย่างไรก็ตามได้สั่งให้ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ได้เข้าไปตรวจสอบทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการเผาศพแบบตั้งบนเมรุกับเผาทั้งปราสาทในที่โล่งแจ้งตามแบบฉบับล้านนาไทยโบราณ กลุ่มผู้เฒ่าผู้แก่ที่ยังรักษาประเพณีดั้งเดิม ยังต้องการให้มีการเผาศพแบบโบราณคือเผาทั้งปราสาทที่ใส่ศพไปเพราะความเชื่อว่าเมื่อเผาทั้งปราสาทชาติต่อไปจะได้เกิดในภพที่ดีมีมีบ้านมีปราสาทอยู่ จึงเกิดการถกเถียงกันขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่กับรุ่นเก่า โดยกลุ่มรุ่นใหม่ต่างก็ระบุว่าการเผาแบบใช้เมรุมีปล่องระบายควัน ไม่ก่อให้เกิดมลพิษขึ้นเพราะเป็นการใช้ถ่านไม้หรือไฟฟ้าในการเผา แต่การเผาแบบใส่ปราสาทตามแบบโบราณหรือแบบเก่าที่เผากลางลานจะต้องใช้เชื้อเพลิงเป็นยางรถยนต์เก่าๆจำนวนมากในแต่ละศพส่งผลให้เกิดมลพิษขึ้นมา ทางการจึงได้ให้มีการสร้างเมรุเผาสพแบบใหม่ขึ้นมาเพื่อลดปัญหาจึงเป็นที่ถกเถียงกันหลายแห่ง จนอาจจะเป็นที่มามีการขโมยตะแกรงรองกระดูกผีตามเมรุสร้างใหม่หลายแห่งในเวลานี้