คิดว่า ´ลาวา´ ภูเขาไฟ ที่จริงหินบะซอลต์
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 14 พ.ค. พ.ต.อ.เปรื่อง นาคะพงษ์ ผกก.สภ.อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์
รับแจ้งจากนายวิทยา บุญเต็ม อายุ 20 ปี
อยู่ บ้านเลขที่ 91 หมู่ 17 ต.ตาจง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ พร้อมนำก้อนหินคล้ายลาวามอบให้เป็นหลักฐาน พร้อมให้การว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาได้ขี่รถ จยย.ผ่านบริเวณป่าริมถนนสายละหานทราย-เฉลิมพระเกียรติ
ระหว่าง กม.1-2 บ้านโนนสง่า ต.ละหานทราย อ.ละหานทราย
พบข้างทางมีเปลวไฟพวยพุ่งขึ้นจากพื้นดินเป็นสีเขียวแดง แต่ไม่กล้าหยุดรถดู เร่งขี่รถกลับบ้านไปเล่าให้เพื่อนบ้านฟัง
กระทั่งรุ่งเช้าขี่กลับมาที่เดิมและแวะดู
พบก้อนหินแข็งไหลเป็นทางลงแอ่งน้ำข้างทาง เลยเรียกเพื่อนบ้านมาดูโดยเชื่อว่าน่าจะเป็นหินลาวาพุ่งขึ้นจากใต้ดินจึงนำตัวอย่างหินมาแจ้งความให้ช่วยตรวจสอบ ขณะเดียวกัน ด.ต.สมเกียรติ ปาประโคน ผบ.หมู่งานสืบสวน
สภ.อ.ละหานทราย ซึ่งเป็นอีกผู้หนึ่งที่เห็นเหตุการณ์
เปิดเผยว่า ขณะขี่รถ จยย.มาเข้าเวร เห็นเปลวไฟพุ่งขึ้นมาเกรงจะเป็นพวกรังสีที่เป็นอันตราย รีบเตือนชาวบ้านที่จอดรถดูอย่าเข้าใกล้อย่างเด็ดขาด
หลังรับแจ้ง พ.ต.อ.เปรื่อง นาคะพงษ์
ผกก.สภ.อ.ละหานทราย นำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบชาวบ้านจำนวนมากพากันลงขุดเอาวัตถุที่เข้าใจว่าเป็นลาวาเพื่อนำไปบูชาหวังโชคลาภ รีบสั่งให้ชาวบ้านหยุดขุดอย่างเด็ดขาด
เนื่องจากยังไม่ทราบว่าเป็นวัตถุที่เกิดจากอะไร
อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย พร้อมสั่งเจ้าหน้าที่นำเชือกมากั้นล้อมรอบ จากนั้นได้รายงานให้ พล.ต.ต.ชินทัต มีศุข ผบก.ภ.จ. บุรีรัมย์ รับทราบพร้อมแจ้งไปยังสำนักงานอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เขต 2 จ.นครราชสีมา และกองธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรธรณี กรุงเทพฯ ทราบเพื่อส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ
พ.ต.อ.เปรื่องกล่าวว่า หลังประสานไปยัง 2 หน่วยงาน
และบอกลักษณะของดินที่พบ ทางเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรธรณีสันนิษฐานว่า อาจจะเป็นลาวาใต้พื้นโลกที่เริ่มระอุและอาจจะปะทุขึ้นมา เพราะเขตพื้นที่ อ.ละหานทราย อยู่ห่างจากภูเขาอังคารซึ่งเป็นปล่องภูเขาไฟในอดีต เพียง 10 กม.
โดยทางเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรธรณีรับปาก
จะรีบมาตรวจสอบโดยเร็ว พร้อมฝากขอร้องชาวบ้านอย่าเข้าไปใกล้และอย่านำหินที่พบกลับบ้านอย่างเด็ดขาดเพราะเกรงจะเกิดอันตราย
ด้านนายอดิชาติ สุรินทร์คำ ผอ.กองธรณีเทคนิค
กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า หินลาวาที่ชาวบ้านเห็นนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะภูเขาไฟในประเทศไทย เป็นภูเขาไฟที่ตายแล้ว
เหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดเคยเกิดขึ้นจริงในประเทศไทย
แต่เมื่อประมาณ 6 แสนล้านปีมาแล้ว สำหรับพื้นที่ที่เป็นแนวภูเขาไฟ คือ ลพบุรี เพชรบูรณ์ และเลย ส่วน จ.บุรีรัมย์ ในอดีตเคยมีภูเขาไฟจริงแต่มีเป็นจุดๆเท่านั้นไม่ใช่ทั้งหมด
ผอ.กองธรณีเทคนิค กรมทรัพยากรธรณี
กล่าวอีกว่า ดังนั้นคนที่เจอหินดังกล่าวน่าจะเป็นการนำจินตนาการมาผูกโยงกับสารคดีการเกิดภูเขาไฟแล้วอุปโลกน์ ขึ้นมาและหลอกลวงขายหินกันมากกว่า ส่วนหินลาวาที่ถูกนำมาอ้างนั้นน่าจะเป็นหินบะซอลต์ซึ่งมีลักษณะสีดำ
ซึ่งเป็นลาวาที่ปะทุและไหลขึ้นมาจากใต้พื้นดิน
แล้วเย็นตัวลงมากกว่า ไม่ใช่หินลาวาที่อ้างว่าเพิ่งปะทุขึ้นมาจากใต้ดินแล้วมีแสงสีแดงสีเขียว เพราะถ้าเกิดขึ้นจริงชาวบ้านแถวนั้นคงอยู่ไม่ได้ เพราะจะมีความร้อนมาก
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ