ใต้ฆ่าตัดคอผัว ยิงเมียดับด้วย
"โจรใต้ฆ่า ตัดคอโหด"
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 14 พ.ค. ร.ต.ต.ธัญ ศิริขันธ์ ร้อยเวร สภ.อ.บันนังสตา จ.ยะลา
รับแจ้งพบศพถูกฆ่าตัดคอที่บ้านตือระ
หมู่ 8 ต.บันนังสตา ไปสอบสวนพร้อม พ.ต.อ.อนุรุธ อิ่มอาบ ผกก.สภ.อ.บันนังสตา พ.ต.ท. นิยม รื่นเริง รอง ผกก.(สส.) พ.ต.ท.เดชาวุธ เจ๊ะเต๊ะ รอง ผกก.(ป.) นายเมธี กาญจนภูวะ นอภ.บันนังสตา และกำลังตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง
ที่เกิดเหตุเป็นสวนลองกอง
พบศพนางชฎากานต์ พลรักษ์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79 หมู่เดียวกัน ถูกยิงด้วยปืนเอ็ม 16 เข้าเต็มลำตัวนอนตายจมกองเลือด ใกล้กันพบศพชายนอนตายสภาพสยดสยอง
เนื่องจากลำคอถูกตัดศีรษะหายไป
ทราบชื่อว่า นายประพันธ์ พลรักษ์ อายุ 38 ปี สามีนางชฎากานต์ ตามลำตัวถูกยิงด้วยปืนขนาดเดียวกัน 3-4 นัด โดยมีรถ จยย.ยามาฮ่า ทะเบียน ง 0253 ยะลา ล้มอยู่ใกล้กัน ส่วนศีรษะของเหยื่อโหด เจ้าหน้าที่กระจายกำลังค้นหาแต่ไม่พบ
สอบสวนทราบว่า ทั้ง 2 เป็นชาวไทยพุทธ
มีอาชีพทำสวนลองกอง ขณะที่ทั้งคู่ซ้อน จยย.ไปดูสวนลองกอง ถูกคนร้ายเชื่อว่าเป็นกลุ่มโจรใต้ที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 4 คน ดักรออยู่ในสวนลองกอง พอสบจังหวะเหยื่อขี่รถเข้าไปในสวน
รีบโดดขวางทาง บังคับให้จอดรถ
ก่อนใช้ปืนเอ็ม 16 จ่อยิงลำตัวทั้งคู่จนเสียชีวิตคาที่ แต่กลุ่มโจรใจทมิฬไม่สะใจ ใช้มีดสปาร์ตาตัดจนขาดหิ้วศีรษะนายประพันธ์หลบหนีไป พร้อมกับปืน .38 ของผู้ตายติดตัวไปด้วย เชื่อเป็นฝีมือโจรใต้มุ่งสร้างสถานการณ์
อีกรายเวลา 05.45 น.วันเดียวกัน
ขณะที่นายมาหะมุ สาแม อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/1 บ้านเมาะยี ต.บาละ อ.กาบัง จ.ยะลา ขี่ จยย.พานางกรือซง หะยีวานิ อายุ 46 ปี ภรรยาไปกรีดยาง ผ่านถนนในหมู่บ้าน ถูกคนร้ายขับ
จยย.ตามประกบแล้วใช้ปืนเอ็ม 16 กราดยิง
ถูกนางกรือซงเสียชีวิตคาที่ ส่วนนายมาหะมุบาดเจ็บสาหัส หลังเกิดเหตุ พ.ต.ท.สมพร โสะหาบ รอง ผกก.(สส.) สภ.อ. กาบัง ร.ต.ท.บรรดาศักดิ์ ดีเลิศ ร้อยเวร นำกำลังไปสอบสวน คาดเป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ
จากเหตุกลุ่มคนร้ายลอบวางเพลิงเผา
อาคารโรงเรียนบ้านกาโสด หมู่ 5 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา เมื่อคืนวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น ต่อมาเจ้าหน้าที่วิทยาการเขต 45 ยะลา พร้อมกำลังทหาร ตำรวจ ไปตรวจสอบหาหลักฐานพบว่า
คนร้ายวางเพลิงเผาอาคารเรียนที่ชั้นล่าง
ซึ่งเป็นห้องสมุดและห้องเรียนวิทยาศาสตร์ได้รับความเสียหายทั้งหมด ส่วนชั้นบนเป็นห้องเรียนเสียหายเล็กน้อย
ด้านนายณฐกานต์ จันทรากุล
รอง ผอ.สพท.ยะลา เขต 2 กล่าวว่า ได้ทำเรื่องเสนอขอกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในการรับส่งครู เพราะครูในพื้นที่ไม่มีขวัญกำลังใจ แต่ทุกคนก็พร้อมทำหน้าที่ครูต่อไป เพื่อให้เยาวชน
ในพื้นที่ได้เรียนหนังสือเช่นเดิม
สำหรับเขตพื้นที่การศึกษายะลา เขต 2 มีโรงเรียนทั้งหมด 71 แห่ง ถูกคนร้ายลอบเผา 25 แห่ง โดยเฉพาะ อ.บันนังสตา ถูกเผามากที่สุดถึง 18 แห่ง อ.ยะหา 6 แห่ง และ อ.กาบัง 1 แห่ง
ทั้งนี้ โรงเรียนบ้านบางลาง
ต.บันนังสตา ถูกเผาบ่อยที่สุดถึง 8 ครั้ง สำหรับวันที่ 15 พ.ค.นี้ เป็นวันเปิดภาคเรียนวันแรก โรงเรียนถูกเผา อาคารเสียหายได้ตั้งเต็นท์ใช้เป็นห้องเรียนชั่วคราว
ทางด้าน จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 13 พ.ค.
ที่ผ่านมา คนร้ายไม่ทราบจำนวนซุ่มอยู่หน้าบ้านเลขที่ 176/1 บ้านตาเซะใต้ หมู่ 6 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี ใช้ปืนอาก้ายิงนายคอเล ปาเนาะ อายุ 19 ปี อยู่บ้านดังกล่าว เข้าตาม
ลำตัวและที่ขาทั้งสองข้าง เสียชีวิตหน้าบ้าน
ต่อมา ร.ต.ต. วัชระพงษ์ จักรโนวัน ร้อยเวร สภ.อ.สุไหงปาดี พร้อมกำลังตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครอง ไปสอบสวนทราบว่า ผู้ตายกลับจากละหมาดจะเข้าบ้าน ถูกคนร้ายซุ่มยิงคาดเป็นฝีมือกลุ่มโจรป่วนใต้
ส่วนที่โรงเรียนบ้านดอเฮะ
หมู่ 3 ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ที่ถูกคนร้ายลอบวางเพลิงเผาอาคารวอดทั้งหลัง เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา ล่าสุดมีชาวบ้านกับ อส. อ.สุไหงปาดี ช่วยกันกางเต็นท์บนสนามกีฬาหน้าโรงเรียน 3 หลัง สำหรับให้นักเรียน 104 คน ใช้เป็นที่เรียนหนังสือชั่วคราว ในวันเปิดเทอมวันที่ 16 พ.ค.นี้
ขณะที่ จ.ปัตตานี เมื่อเวลา 16.00 น.
วันเดียวกัน พ.ต.ท.วีรชาติ คูหามุข รอง ผกก.(สส.) สภ.อ.หนองจิก จ.ปัตตานี นำกำลังไปตรวจสอบเหตุยิงกันบาดเจ็บที่หน้า อบต.ท่ากำชำ ริมถนนสายปัตตานี-หาดใหญ่ หมู่ 2 ต.ท่ากำชำ พบรถกระบะอีซูซุ
จอดติดเครื่องอยู่ริมถนนหน้า อบต.
ส่วนคนเจ็บนำส่ง รพ.หนองจิก ไปแล้ว ทราบชื่อ นายสุทิน ไหมฉิม อายุ 48 ปี อยู่หมู่ 4 ต.บางเขา อ.หนองจิก ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ชลประทาน อ.ยะรัง ถูกยิงเข้ากลางหลัง 1 นัด สอบสวนทราบว่า
ขณะนายสุทินขับรถกระบะจอดรอ
รับภรรยาซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ อบต.ท่ากำชำ ถูกคนร้าย 2 คน ซ้อน จยย.มาจอดด้านข้างรถกระบะ แล้วชักปืนยิงใส่ก่อนหลบหนีไป เชื่อเป็นฝีมือโจรใต้สร้างสถานการณ์
ที่ จ.ตรัง นายชาตรี บานชื่น
อธิบดีกรมการแพทย์ เดินทางไปเยี่ยม พ.ต.ท.วรรณะ บุญชัย รอง ผกก.ตชด.44 ยะลา ที่บ้านใน ต.โคกหล่อ อ.เมืองตรัง ที่ถูกโจรใต้ยิงบาดเจ็บสาหัส พร้อมนำรถเข็นพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
มามอบให้กับ พ.ต.ท.วรรณะด้วย
โดยนายชาตรีเปิดเผยว่า นอกจากจะนำรถเข็นมามอบให้แล้ว ยังเป็นการติดตามประเมินอาการเพื่อจะนำไปสู่การรักษาที่ถูกต้อง สำหรับรถเข็นคันนี้เป็นรถเข็นที่นำมามอบให้ใช้เป็นการชั่วคราว
หากมีอาการดีขึ้น
จะนำรถเข็นที่สามารถปรับให้ยืนและนั่งได้มามอบให้อีก ส่วนอาการของ พ.ต.ท.วรรณะถือว่าดีขึ้นมาก อาจเป็นเพราะได้รับกำลังใจจากคนในครอบครัวและคนรอบข้าง
ด้านนางสุวรรณี บุญชัย อายุ 68 ปี
มารดาของ พ.ต.ท.วรรณะ กล่าวทั้งน้ำตาว่า รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม ราชกุมารี ทรงมีต่อลูกชายและครอบครัว ตนอยากให้ปัญหาชายแดนภาคใต้สงบ หยุดการทำร้ายผู้บริสุทธิ์ เพราะไม่อยากเห็นการสูญเสียอีก และไม่อยากให้ใครมาเป็นเหมือนลูกชาย
ตอนเย็นวันเดียวกัน
ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 พล.อ.สุรุยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังเดินทางกลับจากลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถึงการดำเนินการกรณีที่มีม็อบชุมนุมปิดถนนกดดัน
ให้ปล่อยตัวผู้ต้องสงสัยก่อความไม่สงบ 24 คน
ที่ จ.ยะลา ว่า ขณะนี้ได้ปล่อยตัวคนที่ไม่เกี่ยวข้องไป 14 คน และควบคุมตัวไว้สอบสวน 10 คน โดย 4 ใน 10 คน ได้รับสารภาพว่า เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ และเจ้าหน้าที่มีหลักฐานชัดเจนเป็นอาวุธสงครามที่ใช้ก่อเหตุ อีกทั้งกลุ่ม
ผู้ต้องสงสัยเป็นกลุ่มที่ก่อเหตุซุ่มยิง
รถตู้โดยสารระหว่างเบตง จ.ยะลา มีผู้เสียชีวิต 8 ราย อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวเป็นการแสดงให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐได้ดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมาย ใครไม่เกี่ยวข้องเราก็จะปล่อยตัว ใครเป็นผู้ต้องหาต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด
โฆษก คมช. แถลงผลการประชุม คมช.ว่า ที่ประชุมได้หารือกรณีที่ประธาน คมช. จะนำเรื่องหารือนอกรอบในที่ประชุม ครม.ในวันที่ 15 พ.ค.นี้ โดยจะนำแนวทางการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในมิติใหม่ที่ คมช.
ได้ร่วมกำหนดแนวทาง
และคิดว่าสามารถแก้ปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ลงได้ชัดเจน ทั้งนี้ สถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นหลายฝ่ายรับรู้ถึงความสูญเสีย ทั้งการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่และประชาชน คมช.ตระหนักถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้น
จึงหารือกันถึงแนวทางที่จะเพิ่มสวัสดิการ
ไม่ว่าจะเป็นเสียชีวิตหรือทุพพลภาพจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ รวมถึงการชดเชยและดูแลครอบครัวของผู้ที่ประสบความสูญเสียให้ดำเนินชีวิตอยู่ได้ โดยกองทัพบกมอบหมายให้ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ไปดำเนินการหาทางพิจารณาให้เกิดความเหมาะสม
ส่วนการแก้ปัญหามิติใหม่ของ คมช.นั้น
จะเป็นการเพิ่มมาตรการทางยุทธวิธีที่ ผบ.ทบ.ให้แนวทางไว้ 5 ประเด็น แต่ไม่ขอลงรายละเอียด ซึ่งแนวทางแก้ปัญหาจะพยายามกำหนดปัจจัยเพื่อให้กลุ่มผู้ก่อการร้ายเกิดความโดดเดี่ยว ทำให้ขาดที่พึ่งพิง ขาดการเชื่อมโยงกับกลุ่มอื่นๆได้ และจะกำจัดเสรีการปฏิบัติของกลุ่มก่อการร้ายให้มากขึ้น
ขณะที่ พ.อ.(หญิง)ศิริจันทร์ งาทอง
รองโฆษก ทบ. เปิดเผยว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ได้เสนอขอเลื่อนยศเป็นกรณีพิเศษแก่ทหารรบพิเศษ 7 นาย ที่เสียชีวิตจากการถูกวางระเบิดเมื่อ 9 พ.ค. ที่ จ.นราธิวาส โดย พ.ต.วีรพล แย้มอำพล
เลื่อนเป็น พล.ท. จ.ส.อ.ราชันย์ รื่นโกสุม
เป็น พล.ต. ที่เหลืออีก 5 คน คือ จ.ส.อ.วีรชีน ศรีเกิด จ.ส.ต. สมเกียรติ จงจิต ส.อ.สมศักดิ์ ฝ่ายทะแสง ส.อ.สมบัติ ผาจันทร์ และ ส.อ.นรินทร์ เครือโสม เป็น พ.อ. โดยจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารรบพิเศษทั้ง 7 นาย ในวันที่ 15 พ.ค.นี้ โดยมี พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม เป็นประธาน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า
ในการประชุม ครม. วันที่ 15 พ.ค.นี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) โดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ในฐานะ ผอ.กอ.รมน. จะเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
ประจำปีงบประมาณ 2550 เพิ่มเติม
เป็นกรณีเร่งด่วนพิเศษ จำนวน 2,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินการตามแผนที่กำหนดไว้ให้เกิดประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์โดยเร็วต่อไป โดยขอรับการสนับสนุนจากงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน
หรือจำเป็น จากงบประจำ โดยเบิกจ่ายในลักษณะเงินราชการลับ ซึ่ง กอ.รมน.ได้ขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังไว้แล้ว
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ