ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 ก.ย. ดร.ชุมพล เที่ยงธรรม ประธานสมาคมเยอรมันช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ร.ต.ท.ปิยพงษ์ บุขุนทศ รอง สว.กก.1 บก.ทท. พร้อมเจ้าหน้าที่สถานทูตเยอรมัน เดินทางเข้าตรวจสอบกรณีดังกล่าวที่ วีเอส เกสเฮ้าส์ ภายในซอยไม่มีชื่อ ถนนข้าวสาร แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กทม. โดยมี น.ส.ภูษนิศา ดารีย์ หรือเหมย ซึ่งเป็นผู้แจ้งขอความช่วยเหลือให้กับ Mr.Benjamin ยืนรอพบเจ้าหน้าที่อยู่
น.ส.ภูษนิศา กล่าวว่า ตนมีอาชีพเป็นพนักงานร้านนวดแผนโบราณอยู่ที่ถนนข้าวสาร โดยก่อนหน้านี้ประมาณ 1 อาทิยต์ ตนเห็น Mr.Benjamin นั่งขอทานและวนเวียนอยู่ที่หน้าร้านจิวเวลรี่ ถนนข้าวสาร ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับที่ตนทำงานอยู่ ด้วยความสงสาร ตนจึงได้สอบถามพูดคุย ได้ความว่า มาเที่ยวประเทศไทยได้ 3 อาทิตย์ โดยมาเพียงคนเดียว และถูกขโมยกระเป๋าสตางค์พร้อมเอกสารไป จึงไม่มีเงินใช้ และไม่สามารถเดินทางกลับบ้าน เนื่องจากพาสปอร์ตหายไปด้วย ส่วนขาที่บวมนั้น ไม่ได้เกิดจากโรคติดต่อ แต่เป็นมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่มีอาการเจ็บปวดแต่อย่างใด ตนจึงซื้อข้าวและน้ำให้รับประทาน และตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา ตนก็เข้าไปพูดคุยกับ Mr.Benjamin ทุกวัน
กระทั่งเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ตนได้เข้าไปพูดคุยกับ Mr.Benjamin เหมือนเดิม ว่าอยากกลับบ้านไหม ถ้าจะกลับก็จะช่วยเหลือ Mr.Benjamin ก็ตอบว่า อยากกลับบ้าน ตนจึงได้พาไปที่ สน.ชนะสงคราม เพื่อเอาเอกสารที่ Mr.Benjamin แจ้งความไว้ ก่อนพาเดินทางไปสถานทูตเยอรมัน เพื่อไปทำเอกสาร แต่ทางสถานทูตแจ้งว่าต้องใช้เงินในการทำเอกสาร 2,500 บาท ซึ่ง Mr.Benjamin ไม่มีเงินจ่าย ตนจึงพากลับมาที่ถนนข้าวสาร จากนั้นตนก็กลับไปทำงานต่อ
น.ส.ภูษนิศา กล่าวต่อว่า จากนั้นช่วงเย็น ตนก็เห็น Mr.Benjamin มานั่งขอทานที่เดิมอีก ด้วยความสงสาร จึงได้พามาพักที่ วีเอส เกสเฮ้าส์ และออกค่าใช้จ่ายให้ จากนั้นช่วงเย็นที่ตนเลิกงาน ตนก็สอบถาม Mr.Benjamin ว่า ก่อนหน้านี้พักอยู่ไหน Mr.Benjamin ก็ตอบว่าพักอยู่ในซอยรามบุตรี จึงพาตนไปที่ห้องพักเพื่อเอาข้าวของใช้ส่วนตัวที่ยังอยู่ในห้อง ส่วน Mr.Benjamin ก็จ่ายเงินค่าเปิดห้องที่ถูกล็อกไว้ จำนวน 500 บาท ซึ่งเป็นเงินที่มีคนเอามาให้ Mr.Benjamin 1,200 บาท ตอนนั่งขอทานอยู่ จากนั้นจึงพากลับมาที่วีเอสเกสเฮ้าส์ หลังจากนั้น ตนจึงได้ประสานขอความช่วยเหลือกับตำรวจให้เข้ามาช่วยเหลือดังกล่าว
ด้าน ร.ต.ท.ปิยพงษ์ กล่าวว่า เบื้องต้นหลังจากที่พบว่ามีการแชร์กันทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก จึงได้ประสานไปยังสมาคมเยอรมันช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก ก่อนประสานไปยังสถานทูตเยอรมัน เพื่อเข้าให้ความช่วยเหลือและส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ ก็พบ Mr.Benjamin ที่วีเอสเกสเฮ้าส์
จากการสอบถามทราบว่า กระเป๋าสตางค์และพาสปอร์ตของ Mr.Benjamin ได้หายไป จึงพามาแจ้งความและลงบันทึกประจำวันที่ สน.ชนะสงคราม จากการพูดคุยกับสมาคมก็ได้รับคำตอบว่า ทางสมาคมจะรับ Mr.Benjamin ไว้ดูแลในเบื้องต้น และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะอำนวยความสะดวกจนกว่า Mr.Benjamin จะเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดได้ และขอฝากถึงผู้ที่อยู่ในโลกโซเชียลฯว่า บางเรื่องที่เห็นอาจจะไม่เป็นเรื่องจริงก็ได้
ทางด้าน Mr.Benjamin กล่าวว่า ตนเดินทางเข้ามาในฐานะนักท่องเที่ยวและมาเพียงคนเดียว ซึ่งไม่คิดว่าเรื่องดังกล่าวจะมาเกิดขึ้นกับตน ส่วนในเรื่องของขานั้น ตนมีความผิดปกติตั้งแต่เกิดแล้ว ไม่ได้เป็นโรคติดต่อแต่อย่างใด ภายหลังได้รับการช่วยเหลือจาก น.ส.ภูษนิศา ตนรู้สึกดี ทั้งที่ไม่รู้จักกัน แต่ก็ยังมาให้ความช่วยเหลือ และไม่รู้ว่าเรื่องของตนไปโด่งดังในโลกโซเชียลฯได้อย่างไร ตอนนี้มีความสุขและเป็นประสบการณ์ที่ดี ที่มีคนไทยให้ความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พักและอาหารการกิน ถ้าเป็นไปได้หลังกลับไปประเทศบ้านเกิดแล้ว ถ้ามีเงินพอก็จะเดินทางกลับมาเที่ยวประเทศไทยอีกครั้ง
ดร.ชุมพล กล่าวว่า หลังจากทางสมาคมได้รับการประสานงาน ก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบและสอบถาม Mr.Benjamin ก็ทราบว่า Mr.Benjamin เดินทางเข้ามาประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย. ด้วยสายการบินไชน่า อีสเทิร์น แฟรงก์เฟิร์ต ปักกิ่ง-กรุงเทพฯ
ส่วนในกรณีของ Mr.Benjamin ครั้งแรกที่สมาคมทราบเรื่องก็ได้เข้าไปดูแล แต่ Mr.Benjamin กลับปฏิเสธไม่ขอรับความช่วยเหลือ ทางสมาคมก็ไม่รู้จะทำอย่างไร กระทั่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประสานมาสมาคมจึงเดินกลับมาดูอีกครั้ง ก่อนจะเข้าช่วยเหลือดังกล่าว ซึ่งหลังจากนี้สมาคมจะรับดูแลเบื้องต้นก่อน และในวันจันทร์ที่ 22 ก.ย.นี้ จะพาไปสถานทูตเยอรมันเพื่อทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ และรอการตรวจสอบจากสถานทูตเพื่อออกวีซ่า ก่อนจะพากลับสู่ประเทศบ้านเกิดต่อไป