หนูน้อยขอนแก่นวัย 10 ขวบ ป่วยเป็นโรคประหลาด เลือดไหลซึมออกมาทั้งที่ไม่มีบาดแผล
แถมแพทย์ตรวจชัด ร่างกายแข็งแรงปกติ ยายเผย เริ่มเป็นตั้งแต่บวชฤดูร้อนช่วง เม.ย. ไหลซึมออกดวงตา-ศีรษะ-แขนขา ด้านแม่สุดกังวล ระบุหมอดูทัก ลูกชายพร้อมเพื่อนนำรูปปั้นช้างม้าเจ้าที่มาเล่น คล้ายโดนลบหลู่ แนะนำพวงมาลัยขอชมาโดยด่วน
เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า ที่บ้านเลขที่ 15 หมู่ 6 บ้านหนองหญ้าข้าวนก ต.หนองแวง อ.พระยืน จ.ขอนแก่น
มีเด็กป่วยเป็นโรคประหลาด เนื่องจากเลือดไหลออกตามร่างกายทั้งที่ไม่มีแผล ต้องการขอความช่วยเหลือ จึงรุดไปตรวจสอบ กระทั่งพบ นายเกณฑ์ คำแสนเดช อายุ 75 ปี และนางนวล คำแสนเดช อายุ 74 ปี สองตายายเจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นผู้ปกครองกำลังเลี้ยงหลาน 3 คน โดยหนึ่งในนั้นคือ ด.ช.กิตติศักดิ์ เจริญอินทร์ หรือน้องเติ้ล อายุ 10 ปี นร.ชั้น ป.4 ร.ร.บ้านหนองหญ้าข้าวนก ซึ่งจากการสังเกตุพบว่าเป็นเด็กที่ดูร่างกายแข็งแรงและซุกซนตามปกติ แต่ขณะสังเกตุอยู่นั้น จู่ๆก้มีเลือดไหลขึ้นออกมาที่ผิวหนังช่วงใบหน้า โดยผู้เป็นยายได้รีบนำผ้าไปเช็ดทำความสะอาด ทำให้พบว่าบริเวณนั้นไม่มีบาดแผลที่จะส่งผลให้เลือดไหลออกมาได้เลย
นางนวล เล่าถึงอาการประหลาดที่เกิดกับน้องเติ้ลว่า ดูแลและเลี้ยงหลานมาตั้งแต่แบเบาะ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีเหตุการณ์ลักษณะนี้ โดยอาการมาเริ่มตั้งแต่มาช่วงเดือน เม.ย. ที่มีการจัดบวชเรียนภาคฤดูร้อน ซึ่งช่วงที่หลานนั่งสมาธิอยู่ จู่ๆก็มีน้ำไหลซึมออกมาจากศีรษะ ทีแรกก็คิดว่าเป็นเหงื่อ แต่พอเอามือลูบกลับพบว่าเป็นเลือด ทางหลวงพ่อจึงรีบนำตัวส่ง รพ. และแพทย์ก็ยืนยันว่าหลานไม่ได้เป็นอะไร ร่างกายปกติ
ขณะที่ นางผกามาศ เจริญอินทร์ มารดาน้องเติ้ล เล่าว่า ด้วยความห่วงพยามยามพาไปตรวจร่างกายที่ รพ.หลายครั้ง แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ
โดยอาการเลือดซึมเริ่มจะทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกวัน ส่วนใหญ่จะซึมวันละ 2 - 3 ครั้ง ทั้งที่ศีรษะ ดวงตา แขนและขา สร้างความประหลาดใจให้กับครอบครัวและครูที่โรงเรียนเป็นอย่างมาก ซึ่งไม่ได้นิ่งนอนใจพยายามค้นหาสาเหตุและวิธีรักษา
ก่อนจะมีหมอดูรายหนึ่งทักว่า เกิดจากผู้ป่วยและเพื่อนๆได้นำรูปปั้นช้างและม้า ที่บวงสรวงไว้ที่ศาลของโรงเรียนมาเล่นซุกซนประสาเด็ก
ทำให้เจ้าที่เจ้าทางไม่พอใจ ซึ่งเพื่อที่ไม่เป็นอะไรเพราะจิตใจเข้มแข็งกว่าผู้ป่วยซึ่งจิตอ่อนแอกว่า ส่วนหนทางแก้นั้นต้องนำพวงมาลัยไปขอขมารูปั้นช้างม้า เพื่อให้ยกโทษให้ ซึ่งคิดว่าไม่มีวิธีไหนดีกว่านี้จึงจะรีบนำพวงมาลัยไปขอขมาตามที่หมอดูทัก และภาวนาให้หายจากอาการดังกล่าว.