กองทัพงูเห่าบุกบ้าน ตีตายทุกวันไม่หมด วอนทางการจัดการ
ชาวบ้านสวนแหลมทอง ปทุมธานี ผวากองทัพงูเห่ายั้วเยี้ยเต็มโพรงใต้พื้นบ้าน วอนรัฐช่วย "หมออลงกรณ์" แนะใช้น้ำมันก๊าดราดไล่ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านงูให้ใช้ไม้กวาดกวาดลูกงูใส่ถุงปุ๋ยส่งสถานเสาวภา
เหตุกองทัพงูเห่าอาละวาดเกิดขึ้นที่หมู่บ้านสวนแหลมทอง หมู่ 14 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยนายทนงศักดิ์ จันทร์เสน่ห์ อายุ 28 ปี ซึ่งเช่าบ้านเลขที่ 45/272 หมู่บ้านสวนแหลมทอง เป็นเวลา 3 เดือนแล้ว เหตุการณ์เป็นปกติกระทั่งวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มีลูกงูเห่าตัวขนาดหัวแม่มือโผล่ออกมาจากรอยแตกของพื้นถนนข้างบ้าน นายทนงศักดิ์จึงเรียกเพื่อนบ้านมาช่วยกันตีจนตาย นายทนงศักดิ์ บอกว่า หลังจากนั้นเป็นต้นมามีลูกงูเห่าทยอยโผล่ออกมาตามรอยแตกของถนนหลายสิบตัว เขากับเพื่อนบ้านช่วยกันตีตายไปเกือบ 20 ตัว และต้องเปลี่ยนกันเฝ้ายามตลอดทั้งคืน
"พอเช้าวันรุ่งขึ้นได้ช่วยกันรื้ออ่างเลี้ยงปลาข้างบ้านพบลูกงูเห่าจำนวนมากจึงช่วยกันตีตายนับได้อีกกว่า 20 ตัว ก่อนจะช่วยกันอุดรอยแยกที่พื้น แต่ปรากฏว่าลูกงูเห่ากลับไปโผล่ที่รอยแยกของบ้านข้างเคียงแทน เลยต้องช่วยกันอุดรอยแยกทุกๆ บ้าน" นายทนงศักดิ์ กล่าว
ด้านนายจอม นวลจันทร์ ชาวบ้านละแวกใกล้เคียง ย้ำถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ตนช่วยตีลูกงูเห่าตามรอยแยกของพื้นถนน ซึ่งกินพื้นที่ยาวไปถึงบ้านเลขที่ 45/274 พบว่าบริเวณพื้นถนนติดกับตัวบ้านมีรอยพื้นทรุดประมาณฝ่ามือจึงก้มลงไปดูเห็นไข่งูกองหนึ่ง จึงใช้เหล็กทำเป็นตะขอเกี่ยวออกมาได้ประมาณหนึ่งกำมือ แต่ทันใดนั้นมีแม่งูเห่าโผล่หัวออกมาแผ่พังพานขนาดเท่าฝ่ามือผู้ใหญ่ ด้วยความกลัวเลยช่วยกันนำปูนมาโบกทับรอยแตกไม่ให้งูเห่าโผล่ออกมาอีก
ถึงแม้จะช่วยกันโบกปูนทับรอยแยกแล้วก็ตาม แต่เมื่อคืนวันที่ 22 กุมภาพันธ์ นายจอมและเพื่อนบ้านก็ยังพบลูกงูเห่าเลื้อยเพ่นพ่านออกมาตามรอยแยกที่พ้นหูพ้นตาตีตายไปอีก 7 ตัว โดยชาวบ้านต้องถือไม้ไว้ตลอดเวลา เกรงว่าลูกงูเห่าจะไปฉกเด็กเล็กหรือผู้ใหญ่จนได้รับอันตราย นายจอม บอกว่า เพียง 3 คืน เฉพาะตัวเองตีลูกงูเห่าตายไปแล้วกว่า 50 ตัว เชื่อว่าใต้ดินที่ปลูกสร้างบ้านในหมู่บ้านสวนแหลมทองเป็นโพรง ทำให้งูเห่าเข้าไปวางไข่เมื่อฟักเป็นตัวแล้วก็แยกย้ายกันออกจากรัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านในหมู่บ้านข้างต้นหลายคนเรียกร้องให้หน่วยงานของรัฐหาวิธีเข้าไปช่วยเหลือปราบงูเห่า เนื่องจากเกรงว่าหากปล่อยทิ้งไว้งูเห่าอาจจะเลื้อยไปกัดใครคนใดคนหนึ่งจนได้รับอันตรายถึงชีวิต
นายสัตวแพทย์อลงกรณ์ มหรรณพ นายสัตวแพทย์ช่วยราชการสำนักพระราชวัง แนะนำว่า ชาวบ้านสามารถใช้สารเคมีที่มีกลิ่นแรงอย่างน้ำมันก๊าด ราดให้ทั่วบริเวณบ้าน เพื่อไล่งูเห่าเข้าป่าหรือให้ไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ว่างเปล่า แทนที่จะมาอาศัยอยู่ใต้แหล่งที่อยู่อาศัย เพราะงูจะใช้ลิ้นในการรับสัมผัส เมื่อได้กลิ่นสารเคมีก็จะหนีไปอยู่ที่อื่น แต่ควรทำระหว่างเวลา 18.00-19.00 น.เนื่องจากงูจะหลบหนีในช่วงกลางคืนได้ดีกว่า หรืออาจจะใช้วิธีจับงูแล้วนำไปปล่อยที่เขตอุทยานแห่งชาติก็ได้
สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านงู จากสถานเสาวภา สภากาชาดไทย แนะนำว่า ตามธรรมชาติของงูเห่าจะมีการสืบพันธุ์ช่วงปลายฤดูฝน แล้ววางไข่บริเวณที่ชุ่มชื้น โดยเฉพาะตามโพรงใต้ถุนบ้านที่มีสภาพชื้น โดยแม่งูจะวางไข่ครั้งละประมาณ 7-30 ฟอง จากนั้นจะปล่อยให้ฟักตัวเองประมาณ 2 เดือน จึงเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เบื้องต้นอยากให้ชาวบ้านตั้งสติ อย่ากลัว ให้สวมรองเท้าบู๊ทยาวถึงหัวเข่า แล้วใช้ไม้กวาดกวาดลูกงูใส่ที่ตักขยะ แล้วเทลงถังหรือใส่ถุงปุ๋ย ถ้าใครไม่อยากทำลายชีวิตลูกงูเหล่านั้น ก็สามารถนำมามอบให้สถานเสาวภาดูแลต่อก็ได้
"ถ้าใครพบลูกงูเห่าก็โทรมาขอคำแนะนำที่สถานเสาวภา จะแนะนำวิธีการจับลูกงูเห่าที่ถูกต้อง ลูกงูเห่าจะมีความยาวเพียง 1 ฟุต และไม่ต้องกลัวแม่งู เพราะนิสัยของงูเห่าจะไข่แล้วทิ้ง สำหรับบ้านเรือนที่ปลูกใกล้ทุ่งนา หากพบรอยแยกตามพื้นบ้าน ก็ควรรีบโบกปูนปิดให้มิดชิด ป้องกันงูเห่าไปวางไข่" ผู้เชี่ยวชาญด้านงู กล่าว