เมื่อวันที่ 8 ก.ย. เวลา10.30 น.ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภาและการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในช่วง 2-3สัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อพิจารณาวาระสำคัญต่างๆ ได้แก่ การพิจารณาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ญัตติแก้ปัญหาสินค้าเกษตรตกต่ำและค่าครองชีพสูง และการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา
ส.ว. ปรากฏว่าฝ่ายรัฐบาลมีพฤติกรรมเสนอปิดอภิปรายเพื่อปิดปากฝ่ายค้าน ถือว่ารัฐบาลโดยเสียงข้างมากใช้รัฐสภาเป็นเครื่องมือปิดปากฝ่ายค้าน ทำให้ไม่สามารถทำหน้าที่ผู้แทนประชาชนได้ ถือเป็นเรื่องไม่ถูกต้องอย่างมากเพราะทั้ง3 เรื่องที่มีการปิดปากล้วนแต่เป็นเรื่องอาจจะนำไปสู่ปัญหาบานปลายของบ้านเมืองได้ ทั้งนี้หากมีการเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่สมบูรณ์ เชื่อว่าน่าจะเกิดประโยชน์ต่อสังคมและประเทศเทศชาติมากกว่า แต่สิ่งที่รัฐบาลได้กระทำให้เกิดขึ้นเป็นถือเป็นพฤติกรรมของ “เผด็จการรัฐสภา"
นายองอาจ กล่าวว่า จึงขอเรียกร้องรัฐบาลให้ยุติการกระทำที่มีพฤติกรรมปิดปากส.ส.ฝ่ายค้าน และขอให้เปิดใจรับฟังความเดือดร้อนประชาชนด้วย เพราะยังมีเรื่องสำคัญๆที่จะต้องประชุมร่วมรัฐสภาและประชุมสภาผู้แทนราษฎรอีกหลายครั้ง อยากให้รัฐบาลได้ใช้เวทีสภาผู้แทนราษฎรรับฟังเสียงเดือดร้อนของประชาชนจากส.ส.ในพื้นที่ด้วย อย่ามาใช้เสียงข้างมากแบบนี้ และหวังว่าจากนี้ไปจะไม่เห็นพฤติกรรมรัฐบาลปิดปากฝ่ายค้านแบบนี้อีก เพราะก่อนหน้านี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ก็บอกว่าจะใช้เวทีรัฐสภาในการแก้ปัญหาเพื่อประชาชน ดังนั้นอยากให้รัฐบาลโดยเฉพาะน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ตระหนักถึงคำพูดที่พูดออกไปด้วย
นายองอาจ กล่าวต่อว่า สำหรับการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่วิปรัฐบาลไม่สามารถควบคุมเสียงองค์ประชุม จนทำให้สภาล่มไปเมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยวิปรัฐบาลจะได้นัดประชุมร่วมรัฐสภาในสัปดาห์หน้า 5 วัน ติดกันและอาจเพิ่มในวันเสาร์และวันอาทิตย์เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียวนั้น ขอให้วิปรัฐบาลพิจารณากำหนดวันเวลาประชุมใหม่ เพราะควรเปิดโอกาสให้ส.ส. ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันพุธและวันพฤหัสบดีตามปกติ
เพราะขณะนี้ประชาชนมีปัญหาความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก อาทิ ของแพง ปัญหาการโยกย้ายข้าราชการที่ไม่เป็นธรรม ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น เป็นต้น ควรเปิดโอกาสให้ส.ส.ได้ทำหน้าที่ในวันพุธและวันพฤหัสบดี และรัฐบาลควรคำนึงถึงการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนมากกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
“ขณะนี้เห็นได้ชัดเจนว่ารัฐบาลเห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญสำคัญกว่าการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ดังนั้นอยากให้นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ได้พูดคุยกับวิปรัฐบาลด้วย ขอให้เห็นแก่ประชาชนที่เดือดร้อนอย่าทำแต่แก้รัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียว” นายองอาจ กล่าว