นายวินัย ดำรงค์มงคลกุล อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ นัดสั่งคดีการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐจากเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองปี 2553 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี อดีตรองนายก ฯ และอดีต ผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ผู้ต้องหาที่ 1-2 ที่พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีความเห็นสมควรสั่งฟ้องข้อหาร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 59,80, 83, 84 และ 288 จากกรณีที่ ศอฉ. มีคำสั่งใช้กำลังเจ้าหน้าที่ในการขอคืนพื้นที่ จากการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (นปช.) ระหว่างเดือน เม.ย. – พ.ค. 53 บริเวณ ถ.ราชดำเนิน และ แยกราชประสงค์ ส่งผลมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย
ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างสมัยประชุมสภา ส่วนการพิจารณาสำนวนคดีซึ่งมีตนเป็นหัวหน้าคณะโดยในที่ประชุมเห็นว่า สำนวนการสอบสวนยังมีข้อไม่สมบูรณ์ ประกอบกับผู้ต้องหาได้ร้องขอความเป็นธรรม จึงสั่งให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มเติมหลายประเด็น โดยตนนัดให้ฟังการสั่งคดีอีกครั้ง 25 กันยายนนี้ เวลา 10.00 น.
พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาโดยเล็งเห็นผล จากกรณีการเสียชีวิตของนายพัน คำกอง อายุ 43 ปี และ ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ หรือน้องอีซา อายุ 14 ปี และข้อหาก่อให้ผู้อื่นพยายามฆ่า ฯ กรณีที่นายสมร ไหมทอง คนขับรถตู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ขณะที่ทั้งสองได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการด้วยทั้งประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายว่าดีเอสไอไม่มีอำนาจสอบสวน เพราะคดีนี้เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งการสอบสวนจะต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยการเลื่อนสั่งคดีนี้ ถือเป็นการเลื่อนครั้งแรกจากที่ดีเอสไอส่งสำนวนให้อัยการเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา