ปชป. ไม่ให้ราคาเวทีปฏิรูปฯ เย้ย 60% เป็นฝ่ายรัฐบาล ชี้แค่หาทางออกฉุกเฉิน
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการที่รัฐบาลจัดเวทีรับฟังความคิดเห็น เพื่อเป็นแนวทางในการจัดตั้งสภาปฏิรูปการเมือง ว่า ปชป.พร้อมให้การร่วมมือในการสร้างความปรองดองและหาทางออกให้ประเทศ
แต่รัฐบาลต้องดำเนินการด้วยความตั้งใจ แต่ผ่านมา 2 ปี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่เคยแสดงจุดยืนที่จะดำเนินการ แต่ขณะนี้คงเป็นเพราะว่ามีมวลชนจำนวนมากออกมาต่อต้านการแก้รัฐธรรมนูญและกฎหมายนิรโทษกรรมใช่หรือไม่
ทั้งนี้เหตุใดรัฐบาลจึงไม่นำข้อเสนอของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ(คอป.) ,สถาบันพระปกเกล้า ที่เคยศึกษาไว้ ตลอดจนข้อเสนอของ นายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ(ยูเอ็น) และนายมาร์ตติ โอยวา กาเลวิ อะห์ติซาริ อดีตประธานาธิบดีของฟินแลนด์ ที่เคยให้ความเห็นมาใช้ในการปฏิรูป
"การจัดเวทีหาทางออกประเทศครั้งนี้ก็คงเป็นปาหี่ทางการเมืองเท่านั้น
เพราะดูรายชื่อผู้ที่เข้าร่วมแล้ว 60% เป็นฝ่ายเดียวกับรัฐบาลหรือมีความคิดใกล้เคียงกัน อีก 20% เข้าร่วมเพราะเกรงใจรัฐบาล ส่วนอีก 20% มีแนวคิดทั่วไป ไม่มีอะไรชัดเจน เป็นไปได้ว่าการหาทางออกให้ประเทศรอบนี้เป็นการตั้งธงสร้างความชอบธรรมให้รัฐบาลไปเพื่อแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ และดันกฎหมายนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง
การทำเช่นนี้คงหาทางออกให้ประเทศไม่ได้ และเป็นการหาทางออกฉุกเฉินให้คนทุกคนในรัฐบาลมากกว่า เพราะคนไทยจำนวนมากจะไม่ยอมให้รัฐบาลทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง " นายองอาจ กล่าว
นายองอาจ ยังกล่าวถึงการที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ประกาศยุติบทบาทในการเคลื่อนไหวทางการเมืองในขณะนี้ ซึ่งปชป.ก็น้อมรับและเคารพในข้อเสนอดังกล่าว แต่เชื่อว่าจิตใจในการต่อสู้ของพธม.ยังดำรงอยู่ เมื่อใดที่เงื่อนไขพร้อมก็เชื่อว่าจะออกมาอยู่เคียงข้างกับประชาชนเพื่อต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตามตลอดระยะเวลาที่ผ่านการเคลื่อนไหวของพธม.และมวลชนถือว่าไม่สูญเปล่า แต่กลับได้สร้างคุณูปการให้กับสังคม
เพราะการต่อสู้ของพธม.ทำภายใต้กฎหมายและรัฐธรรมนูญ เป็นการต่อสู้ด้วยความสงบสันติ ปราศจากอาวุธ ซึ่งแตกต่างจากมวลชนกลุ่มอื่นๆ
“พธม.ให้แกนนำและมวลชนพิจารณาเข้าร่วมกับกลุ่มต่างๆได้อย่างอิสระ ซึ่งขณะนี้แกนนำทั้งในกทม.และต่างจังหวัด ได้ส่งสัญญาณและมาพูดคุยกับแกนนำปชป.บ้างแล้ว เพื่อร่วมมือกันต่อสู้กับระบอบทักษิณ ไม่ให้ขยายต่อไป” นายองอาจ กล่าว