เมื่อวันที่ 17 ส.ค. นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เขียนข้อความบนเฟซบุ๊ก ถึงกรณี ส.ส.ดูภาพโป๊ระหว่างการประชุมสภาฯ ว่า กรณี ส.ส.ดูรูปโป๊ในสภา เคยเกิดขึ้นมาอย่างน้อย 2ครั้ง ที่เกิดขึ้นนี้ พรรคใหญ่คนละขั้วทั้ง 2 พรรค ได้คะแนนติดลบกันไปคนละ1แต้ม ยังไม่รวมถึงรูปโป๊ที่โผล่ขึ้นจอใหญ่กลางสภาในช่วงเวลาติดๆ กับครั้งที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดดูรูปโป๊ในสภา ซึ่งก็ยังจับมือใครดมยังไม่ได้จนบัดนี้
"ผมจะไม่พูดว่าใคร ผิดมาก-ผิดน้อย อย่างไรนะครับ ผมใช้คำว่า ผิดมาก-ผิดน้อย เพราะไอ้ไม่ผิดนั้น มันไม่มีหรอกครับ รูปภาพวับๆแวมๆ นี่ ผู้ชายที่เป็นผู้ชายแท้ๆ 80-90 เปอร์เซ็นต์ชอบดูอยู่แล้ว แต่จะดูก็ควรจะดูที่ลับหูลับตาหน่อย การที่จะมาเปิดดูในสภาขณะกำลังประชุมอยู่นี่ ประชาชนเจ้าของเงินภาษี ที่เอามาจ่ายเงินเดือนให้ ส.ส.เขาจะเคืองเอาครับ"
นายพานทองแท้ ระบุต่อว่า เมื่อครั้งที่ ส.ส.ประชาธิปัตย์เปิดดูรูปโป๊ขณะประชุมสภา ก็อ้างว่าเพื่อนส่งมาให้ เลยเปิดดูเพื่อจะลบทิ้ง
ส่วน ส.ส.เพื่อไทยก็อ้างว่าจะเปิดหาข้อมูลเรื่องข้าว แต่กดพลาดมือไปโดนปุ่มอะไรเข้า รูปนางแบบทูพีช เลยโผล่ขึ้นมา ข้อมูลที่ทราบก็มีแค่นี้ ผมจึงบอกว่าจะไม่พูดว่าใครผิดมากน้อยอย่างไร ประเด็นที่ผมอยากจะชี้ให้เห็นก็คือ การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์ร่วมกันครับ เวลาพรรคประชาธิปัตย์พลาด ทำความผิดแล้วถูกจับได้ เงียบกริบกันทั้งพรรค ตีกรรเชียงหลีกเลี่ยงการตอบคำถามกันเป็นแถว เพราะถ้าพูดความจริงพรรคตัวเองก็จะเสียหาย แต่เวลาพรรคเพื่อไทยพลาดมั่ง แห่แหนกันออกมาประโคมข่าว เป็นแถวๆ ทำยังกับว่า พรรคตัวเองไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน พรรคเพื่อไทยและพรรคการเมืองอื่นๆ ก็กระทำในลักษณะคล้ายๆกัน
นายพานทองแท้ ระบุอีกว่า ก็อยากจะบอกกับกองเชียร์ทุกๆ พรรคครับว่า
การให้คะแนนกับพรรคการเมืองและนักการเมืองนั้น ควรให้น้ำหนักตอนที่ทำงานทางด้านบวกแข่งกัน มากกว่าตอนที่โดนโจมตีโดยฝ่ายตรงข้ามครับ ฝ่ายค้านของไทยในปัจจุบัน แทบจะไม่เคยมองว่า รัฐบาลทำถูก-รัฐบาลทำดี แม้แต่ครั้งเดียว ทุกครั้งจะต้องมีตำหนิติติงอยู่ตลอด ดังนั้นภาพตอนโดนโจมตี แทบจะวัดอะไรไม่ได้เลย เพราะจะทำอย่างไรก็โดนฝ่ายค้านตำหนิอยู่แล้ว เอาเป็นว่าจะเอาผิดกันยังไงนั้น มันก็ผิดกันทั้งคู่แหละครับ จะทำอย่างไรก็ทำให้เหมือนๆกัน เพราะความผิดมันก็ไม่ได้แตกต่างกันมากเท่าไหร่ ไม่ต้องด่าพรรคอื่น ต่างฝ่ายต่างไปกำชับคนของตัวเอง อย่าให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในสภาอีก ไม่อย่างนั้นครั้งหน้าจะต้องมีมาตรการขั้นเด็ดขาด พี่น้องประชาชนเขาจะได้สบายใจ