“บิ๊กตู่”จวก“ตอยิบ”ใช้ระเบิดต่อรองรัฐ

“บิ๊กตู่”จวก“ตอยิบ”ใช้ระเบิดต่อรองรัฐ

ผบ.ทบ. บอก ศปก.กปต.เป็นผู้ชี้ขาดข้อเสนอ 5 ข้อ บีอาร์เอ็น ลั่น ต้องไม่ขัดกับ กม.-รธน.จวก “ตอยิบ” ใช้ระเบิดต่อรองให้รัฐโอนอ่อนผ่อนตาม ชี้ โดรน-ดาวเทียม ไม่ใช่เครื่องมือวิเศษดับไฟใต้

เมื่อวันที่ 12 ส.ค. ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ในกรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ (ร.1รอ.)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ขณะนี้ยังมีเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่อยู่ ส่วนจะหนักหรือเบาก็ขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อม แต่อย่ามองว่า ประเทศไทยมีความรุนแรง เพราะจะทำให้ดูน่ากลัว เพราะหากมองในภาพรวมของโลก ทุกพื้นที่ก็มีความวุ่นวายอยู่ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคง การจะวัดว่าสถานการณ์ ในพื้นที่ ดีขึ้นหรือไม่นั้น หากวัดด้วยจากการเกิดเหตุรุนแรง อาจจะทำให้เจ้าหน้าที่ท้อแท้ อยากให้ทุกคนให้กำลังใจทหารในการต่อสู่ต่อไป และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากความเพลี่ยงพล้ำ ของเจ้าหน้าที่ แต่หน้าที่ในการดูแลประชาชน ทำให้เราเป็นเป้าหมายที่ง่ายต่อการถูกลอบทำร้าย นี่คือจุดอ่อนที่เขาใช้เล่นงานเจ้าหน้าที่และประชาชน  ที่ผ่านมาเราเปิดโอกาสให้เขาเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา ทั้งการพูดคุยสันติภาพ การให้ออกมามอบตัวตามมาตรา 21 ซึ่งมีบางส่วนที่ยังไม่ออกมา ก็ต้องดูว่าเพราะสาเหตุใด อาจจะเพราะถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กให้ต่อสู่กับเจ้าหน้าที่รัฐ เราต้องเอาคนพวกนี้กลับมา


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การแก้ปัญหาในพื้นที่ชายแดนใต้ยังจำเป็นต้องใช้วิธีการพูดคุย แม้ว่าวันนี้จะยังไม่เห็นผลเป็นรูปธรรม
 
แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับรัฐบาล ต้องตั้งหลักให้ได้ว่าจะคุยกันแค่ไหนอย่างไร และเรามีคำตอบอยู่แล้ว ว่าจะไม่นำไปสู่เขตปกครองพิเศษ การแบ่งแยกดินแดน และต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและรัฐธรรมนูญไทย ซึ่งรัฐบาลก็เข้าใจตรงนี้ วันนี้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบพยายามเอาชนะทางแนวความคิด ว่าฝ่ายรัฐเพลี่ยงพล้ำ นี่คือยุทธศาสตร์ที่เขาเดินอยู่และเป็นสิ่งเดียวที่เขาทำได้ ทั้งๆ ที่คนในพื้นที่เกลียดชังและไม่ชอบวิธีการของเขาเพราะทำให้เกิดความสูญเสีย

เมื่อถามถึงกรณีที่ นายฮัสซัน ตอยิบ ตัวแทนพูดคุยฝ่ายบีอาร์เอ็น ออกมากดดันให้รัฐบาลรับข้อเสนอ 5 ข้อของบีอาร์เอ็น 

พล.อ.ประยุทธ์  กล่าวว่า เขายืนยันแล้วว่าการพูดคุยยังคงมีต่อไป ส่วนที่เขาเรียกร้องให้รับข้อเสนอ 5 ข้อนั้น ในสัปดาห์นี้รัฐบาลจะมีการประชุม ศูนย์ปฏิบัติการ คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.)เพื่อที่จะหารือถึงประเด็นดังกล่าว ว่าจะรับข้อเสนอได้หรือไม่ แต่ในส่วนของ กอ.รมน. เราได้หารือกันแล้วว่า สิ่งไหนที่พอรับได้ก็จะพูดคุยกัน รวมทั้งหาแนวทางปฏิบัติ โดยต้องเอา 6 กลุ่มงานเป็นตัวตั้ง เช่นการดูแลความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน การอำนวยความยุติธรรม เป็นต้น และต้องนำปัจจัยที่เขาอ้างเพื่อก่อเหตุความรุนแรงมาพูดคุย ทั้งนี้ตนมองว่าหากเขายังไปไม่ถึงเป้าหมายที่ต้องการ เขาก็ไม่หยุดและนำเรื่องการลอบวางระเบิดมาเป็นข้อต่อรอง เพื่อให้เราโอนอ่อนผ่อนตามในสิ่งที่เขาต้องการ ซึ่งบางเรื่องทำไม่ได้ โดยเฉพาะสิ่งที่ขัดกับกฎหมายและรัฐธรรมนูญของไทย และในสัปดาห์ที่จะถึงนี้คงมีผลสรุปที่ชัดเจน

“อย่าไปให้ความสำคัญว่าใครที่จะมาพูดคุยกับเรา แต่ให้ดูที่ว่าเราจะคุยกันเรื่องอะไร แก้ปัญหาอย่างไร สิ่งที่รับได้ก็รับ สิ่งไหนรับไม่ได้ก็ไม่ต้องรับ อย่าไปให้ความสำคัญกับคนคนหนึ่ง หรือข้อเสนอของเขา ทุกวันนี้มีเรื่องที่จะต้องพูดคุยกันเป็น 100 เรื่อง ก่อนที่จะมาตกลงและยื่นข้อเสนอ พร้อมทั้งกำหนดขั้นตอนในการดำเนินการ ซึ่งทุกวันนี้เราพยายามเดินไปทุกทาง แต่จะให้เขาหยุดลอบวางระเบิดในวันนี้พรุ่งนี้ คงเป็นไปไม่ได้ แต่เราต้องอาศัยให้ภาคสังคม ทั้งภายในและภายนอกประเทศ กดดันให้พวกเขาหยุดการกระทำ” ผบ.ทบ.กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงข้อเสนอของสำนักงายอัยการสูงสุด ที่ให้หน่อยงานความมั่นคง จัดซื้อ โดรน (เครื่องบินไร้คนขับ) และดาวเทียม
 
เพื่อช่วยติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ว่า เป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคงที่จะต้องให้ข้อเสนอแนะว่าทำได้หรือไม่ สิ่งที่คิดว่า ใช้ได้บางอย่างอาจจะใช้ไม่ได้ ถ้าหากเรายังให้ประชาชนในพื้นที่เดินทางสัญจรทั้งกลางวันกลางคือนอย่างอิสสระเสรี และเครื่องมือดังกล่าวไม่สามารถ มองทะลุป่าไม้ ตึกรามบ้านช่อง หรือ แยกแยะว่าคนไหนเป็นโจรหรือเป็นคนดี แต่ก็ต้องยอมรับว่า มีเครื่องมือดีกว่าไม่มีเลย เพราะจะเป็นตัวช่วยติดตามผู้ร้ายหรือป้องปรามในบางพื้นที่

“โดรนหรือดาวเทียม ไม่ใช่เครื่องมือวิเศษ ที่แก้ปัญหาได้ทุกอย่าง จะคุ้มค่าหรือไม่ ผมไม่ทราบ ต้องไปพูดคุยกัน และไปเปรียบเทียบดูว่าเครื่องมือที่ทำงานคล้ายๆกับเครื่องมือตัวนี้ เรามีอยู่แล้วหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ซื้อ แต่อย่างไปหวังว่าจะเป็นเครื่องมือที่จะแก้ปัญหาได้ทั้งหมด ซึ่งการแก้ปัญหาต้องทำเป็นระบบ จะมาแก้ที่ปลายเรื่องคงเป็นไปไม่ได้ จากที่ผมได้ศึกษาและสอบถามจากประเทศมหาอำนาจทุกประเทศ เขายืนยันตรงกันว่า ไม่มีเครื่องมือไหนที่จะสามารถแยกแยะโจร ออกจากคนดีได้ แต่เขาแนะแนวทางแก้ปัญหา คือจำกัดการสัญจรของประชาชน โดยเฉพาะในเวลากลางคืน หลัง 3 ทุ่ม ห้ามออกจากบ้าน ถ้าใครออกมาคนนั้นคือโจร พร้อมทั้งตั้งจุดตรวจสกัดที่เข้มงวด แต่บ้านเราไม่สามารถทำได้” ผบ.ทบ.กล่าว.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์